สจล.เปิดโต๊ะแถลงแจงต้นตอเงินในบัญชีสูญหาย พบพิรุธ ผอ.คลังพา ผจก.แบงค์กรุงศรีฯ สวัสดีปีใหม่ พร้อมให้สลักหลังเช็ค 50 ล้านบาท แต่กลับเป็นบัญชีบุคคล ไม่ใช่บัญชีสถาบันฯ จึงสั่งเร่งตรวจสอบ พบบัญชีสถาบันฯปลอม 4 บัญชี ปัดตอบเรื่องเอี่ยวอดีตผู้บริหาร ขอให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน “โมไนย” เผยส่วนของ ผอ.ส่วนการคลังระงับจ่ายเงินเดือนจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ รักษาการแทนอธิการบดี สจล. พร้อมคณะรักษาการผู้บริหาร สจล. แถลงข่าวความผิดปกติทางการเงินของ สจล.กรณีที่ สจล. ตรวจสอบพบความผิดปกติของบัญชีกองกลางของ สจล.จำนวน 1,663 ล้านบาท จากจำนวนทั้งหมด 3,000 ล้านบาทหายไปจากบัญชี
โดย ศ.ดร.โมไนย กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทางคณะรักษาการผู้บริหาร ไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งภายหลังรองอธิการบดีที่ดูแลด้านการคลังพบความผิดปกติของบัญชี ก็ได้รีบตรวจสอบเพื่อหาความจริงและดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ มีการตั้งคณะทำงานซึ่งตนเป็นประธาน และวานนี้ทางสถาบันฯ ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 ชี้แจงไปแล้วครั้งหนึ่ง และในวันนี้สถาบันฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เพื่อชี้แจงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เรื่องนี้พบความผิดปกติตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ทางผู้อำนวยการส่วนการคลัง ได้พานายทรงกลด ศรีประสงค์ มาแนะนำตัวกับรักษาการแทนรองอธิการบดี โดยแจ้งว่ามาจากธนาคารไทยพาณิชย์ และจะนำของขวัญปีใหม่มาร่วมในการจัดงานปีใหม่ของทางสถาบันฯ
และในวันเดียวกันนายทรงกลด ได้นำแคชเชียร์เช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2557 จำนวนเงิน 50 ล้านบาท เพื่อให้รักษาการแทนรองอธิการบดีทำการสลักหลังเช็คดังกล่าว แต่รักษาการแทนรองอธิการบดีปฏิเสธที่จะสลักหลังเช็คดังกล่าว เนื่องจากพบความผิดปกติ เพราะเช็คใบนี้สั่งจ่ายเข้าบัญชีบุคคลแทนที่จะเข้าบัญชีสถาบันฯ ดังนั้นจึงเริ่มต้นรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ จนกระทั่งวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมาได้พบเอกสารที่ทำให้สงสัยว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของสถาบันฯจำนวน 4 บัญชีเป็นบัญชีปลอมจากนั้นจึงได้รวบรวมเอกสารทั้งหมด เพื่อนำไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม จากนั้นได้รายงานสภาสถาบันฯ ในวันที่ 17 ธันวาคม
ศ.ดร.โมไนย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายทรงกลด และอายัดตัว น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนการคลัง ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้ว ทั้งนี้ในส่วนของ น.ส.อำพร ทางสถาบันฯ จะระงับการจ่ายเงินเดือนตั้งแต่บัดนี้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ในส่วนของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทางมหาวิทยาลัยก็เชื่อว่าจะมีความรับผิดชอบ เพียงแต่ว่าตอนนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนก็คงต้องรอให้การดำเนินการต่างๆ สิ้นสุดก่อน แต่จะได้เงินคืนทั้งหมดหรือไม่นั้นคงไม่สามารถตอบได้
“ตรวจสอบพบว่าบัญชีธนาคารของสถาบันฯ เริ่มมีความผิดปกติตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2555 โดยผู้ที่มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ฝ่ายบริหาร ได้แก่ อธิการบดี รองอธิการบดี และผู้ช่วยที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล และฝ่ายการคลัง ได้แก่ ผู้อำนวยการส่วนการคลัง และเจ้าหน้าที่คลังที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งต้องมีลายเซ็นทั้ง 2 ฝ่ายๆ ละ 1 คนจึงจะสามารถเบิกเงินได้ อย่างไรก็ตามเงินที่หายไปนั้น เป็นเงินคงคลัง หรือเงินสะสมของสถาบันฯ ซึ่งแม้จะหายไปก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการการเรียนการสอน และการดำเนินโครงการต่างๆ ในปัจจุบัน แต่จะกระทบกับโครงการพิเศษที่สถาบันฯ จะดำเนินการต่อไปในอนาคต
ผู้สื่อข่าวถามว่า การยักยอกเงินครั้งนี้จะโยงไปถึงอดีตผู้บริหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้นหรือไม่ ศ.ดร.โมไนย กล่าวว่า เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน เพราะทางสถาบันฯ ได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานไว้แล้ว และจะมอบให้พนักงานสอบสวนหากมีการร้องขอ ส่วนจะมีรายชื่อของอดีตผู้บริหาร และข้อมูลการดำเนินการต่างๆ ในช่วงนั้นรวมอยู่ด้วยหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้ ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบต่อไป