ผู้หญิงและเด็กสาวจากชนเผ่ายาซิดีหลายรายตัดสินใจฆ่าตัวตาย หรือพยายามที่จะทำเช่นนั้น หลังถูกกลุ่มติดอาวุธไอเอส บีบบังคับให้เป็นทาส องค์การนิรโทษกรรมสากล (เอไอ) รายงานวันนี้(23)
นักรบไอเอสซึ่งบุกเข้ายึดครองเมืองสำคัญทางตอนเหนือของอิรักไว้ได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ประกาศตั้งรัฐใหม่ที่มีอาณาเขตครอบคลุมไปถึงบางส่วนของซีเรีย และยังล่วงละเมิดพลเมืองท้องถิ่นอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะชนเผ่ายาซิดีและชนกลุ่มน้อยอื่นๆ
เอไอ ระบุว่า นักรบหัวรุนแรงเหล่านี้มีพฤติกรรมเข้าข่าย “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” สังหารพลเรือน และจับคนเป็นทาส ซึ่งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อบางคนบอกว่า ตายเสียยังจะดีกว่า
“เหยื่อที่ถูกจับเป็นทาสกามส่วนใหญ่เป็นเด็กหญิงอายุเพียง 14-15 หรืออ่อนกว่านั้น” โดนาเทลลา โรเวรา ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายตอบสนองวิกฤตของเอไอ ระบุในถ้อยแถลง พร้อมชี้ว่าผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นนักรบไอเอส แต่ก็มีกลุ่มที่สนับสนุนพวกเขารวมอยู่ด้วย
เอไอ อ้างคำพูดของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เล่าว่า น้องสาววัย 19 ปีของเขาที่ชื่อ ญิลาน ได้ฆ่าตัวตายเพราะกลัวจะถูกพวกไอเอสลากไปข่มขืน
เด็กหญิงอีกคนที่เคยถูกขังรวมกับ ญิลาน ยืนยันเรื่องนี้ โดยบอกว่า “วันหนึ่งพวกเขาเอาเสื้อผ้าที่เหมือนชุดเต้นระบำมาให้เราใส่ เขาสั่งให้เราอาบน้ำและใส่ชุดพวกนั้น ญิลาน ก็เลยฆ่าตัวตายอยู่ในห้องน้ำ… เธอใช้มีดกรีดข้อมือและผูกคอตาย เธอเป็นคนสวยมาก ฉันคิดว่าเธอคงรู้ว่าจะถูกคนพวกนั้นเอาตัวไป ก็เลยชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน”
หญิงสาวอีกคนที่เคยตกเป็นเชลยของไอเอส เล่าว่า เธอกับน้องสาวพยายามฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากถูกบังคับแต่งงาน แต่มีคนเข้ามาขัดขวางไว้
“เราเอาผ้าพันคอมาผูกคอซึ่งกันและกัน และพยายามดึงออกจากกันให้แรงที่สุดจนกระทั่งฉันเป็นลม… ฉันพูดไม่ได้ไปหลายวันหลังจากนั้น” วาฟา วัย 27 ปี เผย
เอไอ ยังเอ่ยถึงชะตากรรมของหญิงสาววัย 16 ปีที่ชื่อ รันดา เธอและครอบครัวถูกพวกไอเอสจับไปเป็นเชลย และตัวเธอเองก็ถูกข่มขืนโดยชายที่อายุแก่กว่าถึงเท่าตัว
“พวกเขาทำให้ฉันและครอบครัวเจ็บปวดมาก” รันดา บอก
โรเวรา ชี้ว่า “ผลกระทบทั้งด้านร่างกายและจิตใจที่ผู้หญิงเหล่านี้ได้รับจากการตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศ เป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด… หลายคนถูกทรมาน และทำเหมือนเป็นแค่สิ่งของอย่างหนึ่ง แม้พวกที่หนีออกมาได้ก็ยังตกอยู่ในอาการหวาดผวา”
สหรัฐฯและชาติพันธมิตรยังคงส่งเครื่องบินเข้าไปโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย เพื่อสกัดกั้นไม่ให้นักรบอิสลามิสต์รุกคืบไปยังเมืองอื่นๆ