เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ามีทหารลิเบียเสียชีวิต 22 รายจากการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธเมื่อวันพฤหัสบดี (25 ธ.ค.) ซึ่งกลุ่มคนร้ายมีการใช้เรือสปีดโบ้ตเป็นพาหนะ พร้อมทั้งยิงจรวดเข้าใส่คลังเก็บน้ำมัน
แหล่งข่าวความมั่นคงระบุว่า กองกำลังติดอาวุธในสังกัดของ “ฟาจร์ ลิเบีย” ได้เปิดฉากโจมตีเข้าใส่เมืองท่า อัล-ซิดรา ด้วยการยิงจรวดจากเรือสปีดโบ้ต ทำให้คลังเก็บน้ำมันเกิดไฟไหม้ไป 1 จุด
ขณะเดียวกัน ทหารลิเบียก็ได้สร้างความเสียหายให้กับเรือของคนร้ายไป 3 ลำ ก่อนที่จะมีการปะทะกัน ก่อนที่กลุ่มติดอาวุธจะล่าถอยไป
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า การโจมตีเกิดขึ้นตลอดทั้งคืน โดยมีรายงานด้วยว่าเห็นควันพวยพุ่งขึ้นมาจากถังเก็บน้ำมันที่ติดไฟ
“เรือสปีดโบ้ตถูกใช้เป็นฐานยิงจรวดเข้าใส่คลังเก็บน้ำมัน ราส ลานูฟ และ อัล-ซิดรา โดยที่หนึ่งในพวกคนร้ายได้ยิงโดนถังเก็บน้ำมันที่อยู่ทางตอนใต้ของอัล-ซิดรา จนเกิดไฟลุกขึ้นมา” อาลี อัล-ฮัสซี โฆษกความมั่นคงประจำพื้นที่ ระบุ
อัล-ซิดรา ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งอุดมไปด้วยน้ำมัน และกลายเป็นสมรภูมิการสู้รบระหว่างกองกำลังฝ่ายรัฐบาลกับกลุ่มฟาจร์ลิเบีย ในช่วงหลังๆ
แหล่งข่าวของกองทัพและเจ้าหน้าที่แพทย์ ระบุว่า มีทหาร 18 ราย กับนักรบของกลุ่มฟาจร์ 1 ราย เสียชีวิตในซีราเต ส่วนที่อัล-ซิดรา มีทหารเสียชีวิต 4 ราย
แหล่งข่าวบอกด้วยว่า ทหารส่วนใหญ่ที่เสียชีวิต สังกัดกองพันที่ 136 ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโรงไฟฟ้าทางตะวันตกของซีราเต
การปะทะกันครั้งล่าสุดนี้ ได้ทำให้ราคาน้ำมันในเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ (26 ธ.ค.) โดยในส่วนของเวสต์เทกซัส งวดส่งมอบในเดือนกุมภาพันธ์ ราคาเพิ่มขึ้น 28 เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 56.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทางด้านเบรนต์งวดเดือนกุมภาพันธ์ ราคาเพิ่มขึ้น 13 เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 60.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อ้างอิงข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจน้ำมัน พบว่านับตั้งแต่มีการปะทะกันเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ผลผลิตน้ำมันของลิเบียก็ลดลงไปอยู่ที่ราวๆ 350,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่เคยผลิตได้ 800,000 บาร์เรลต่อวัน