มาเลเซียให้คำมั่นสัญญาในวันอาทิตย์ (28 ธ.ค.) ว่าจะจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมอีก 500 ล้านริงกิต (ราว 4,705 ล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือประชาชนกว่า 160,000 คน ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งกำลังประสบอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของแดนเสือเหลืองอยู่ในเวลานี้ ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า ฝนซึ่งยังคงตกลงมาอาจเป็นอุปสรรคขัดขวางความพยายามที่จะเข้าบรรเทาทุกข์ผู้คนหลายพันคนซึ่งถูกน้ำท่วมตัดขาดในหลายพื้นที่
นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ประกาศจัดสรรเงินประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติม 500 ล้านริงกิตดังกล่าว ภายหลังที่เมื่อวันเสาร์ (27) เขาได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบอุทกภัยของรัฐกลันตัน ทั้งนี้หลายท้องที่ของ กลันตัน และอีก 2 รัฐทางภาคเหนือของมาเลเซีย คือ ตรังกานู และ ปะหัง เป็นอาณาบริเวณซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมคราวนี้หนักหน่วงที่สุด
จนถึงช่วงบ่ายวันอาทิตย์ มีรายงานยืนยันผู้เสียชีวิตไปแล้ว 8 รายจากอุทกภัยซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากฝนฤดูมรสุมกระหน่ำหนัก และมีความกลัวเกรงกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายอาจจะพุ่งสูงกว่านี้อีก เนื่องจากยังมีหลายชุมชนซึ่งถูกน้ำท่วมตัดขาดจากโลกภายนอก และเผชิญกับการขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค
“ตอนนี้ประเทศเรากำลังต้องการได้เฮลิคอปเตอร์เพิ่มมากขึ้นเหลือเกิน” อาซิซ คาปราวี รัฐมนตรีช่วยคมนาคม รำพึงออกมาดังๆ ในวันอาทิตย์ (28) ขณะที่พวกหน่วยงานกู้ภัยเตือนว่า สภาพขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำสะอาด กำลังกลายเป็นอุปสรรคต่อการค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบภัย
อุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปีคราวนี้ ได้สร้างความเสียหายหนักให้แก่พื้นที่จำนวนมากในภาคเหนือของแดนเสือเหลือง โดยทั่วทั้งรัฐกลันตันที่ยากจนข้นแค้นอยู่แล้ว มีอยู่ 17 บริเวณทีเดียวที่เกิดน้ำท่วมสูงจนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และคาดกันว่ามีประชาชนราว 8,000 คนที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ
เมื่อมองดูจากทางอากาศ เมืองโกตาบารู เมืองหลวงของกลันตัน แลดูคล้ายกับทะเลสาบกว้างขวางที่เต็มไปด้วยโคลนตม และพื้นที่จำนวนมากไม่มีไฟฟ้าใช้ ผู้คนในท้องถิ่นเล่าว่าคนจำนวนมากต้องหันไปปล้นชิงข้าวของเอาตัวรอดกันแล้ว เพราะขาดแคลนทั้งอาหารและน้ำกินน้ำใช้
ทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยาแถลงเตือนในวันอาทิตย์ว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของมาเลเซียจะประสบกับพายุฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้นในระยะ 3 วันข้างหน้า
“เราคาดว่าจะมีฝนหนักขึ้นอีก และติดตามด้วยลมพายุพัดแรงซึ่งมาจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดมาตามฤดูกาล ตามปกติแล้วลมนี้ก็จะพัดเข้ามาจนกระทั่งถึงเดือนมีนาคม” เจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยุผู้หนึ่งกล่าวแจกแจง “ดังนั้น คงจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง กว่าที่ระดับน้ำท่วมจะลดลงมา”
ในขณะที่อุทกภัยยังไม่มีทีท่าจะผ่านพ้นไปได้ในเร็ววัน ทั่วทั้งมาเลเซียเวลานี้ก็กำลังเกิดความโกรธขึ้งกันมากขึ้นทุกที เนื่องจากมองเห็นกันว่ารัฐบาลตอบสนองอย่างเชื่องช้าเหลือเกินต่อวิกฤตที่เกิดขึ้น
คนขับรถบรรทุกพากันร้องโอดครวญว่าหาน้ำมันดีเซลไม่ได้ เนื่องจากปั๊มน้ำมันจำนวนมากถูกน้ำท่วม ขณะที่ตามศูนย์บรรเทาทุกข์ เจ้าหน้าที่ก็ต้องสาละวนแก้ปัญหาเพื่อรับมือกับสภาพที่น้ำสะอาดมีไม่เพียงพอ การรักษาภาวะสุขอนามัยเต็มไปด้วยความยากลำบาก
นายกรัฐมนตรีนาจิบ ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงเป็นพิเศษ ภายหลังมีการเผยแพร่ภาพที่เขาเดินทางไปเล่นกอล์ฟกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ที่ฮาวาย ระหว่างที่ประเทศกำลังเผชิญพายุ
นาจิบพยายามแก้ตัวให้กับการตัดสินใจเดินหน้า “การทูตด้วยการเล่นกอล์ฟ” ของเขา โดยหนังสือพิมพ์ ซันเดย์ สตาร์ รายงานอ้างคำพูดของนาจิบที่บอกว่า เป็นเรื่องยากสำหรับตัวเขาที่จะไม่ตอบรับ เมื่อได้รับเชิญเป็นการส่วนตัวจากประมุขของสหรัฐฯเช่นนี้
ทั้งนี้หลังจากนั้นมา รัฐบาลมาเลเซียก็ดูจะเพิ่มความพยายามในการรับมือมุ่งคลี่คลายวิกฤตคราวนี้ ดังจะเห็นได้จากคำสัญญาให้งบประมาณอีก 500 ล้านริงกิต หลังจากที่ได้ประกาศจัดสรรเงินก้อนแรก 50 ล้านริงกิตไปแล้ว