“ประยุทธ์” เปิดงานฮาลาล หนุนไทยเป็นฮับอาหารอิสลาม

นายกรัฐมนตรีเปิดงานแสดงสินค้าฮาลาลนานาชาติ พร้อมหนุนพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาหารอิสลามที่มีมาตรฐาน ระบุปัญหาความขัดแย้งเกิดจากความแตกต่างจากอาชีพ และความไม่เท่าเทียม พร้อมคืนความสุขให้คนไทยทุกศาสนา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานประชุมวิชาการและการแสดงสินค้านานาชาติ “Thailand Halal Assembly” เพื่อแสดงศักยภาพของกิจการฮาลาลแห่งประเทศไทย โดยภายในงานประกอบด้วยงานจัดแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์และบริการฟฮาลาลทั้งอุปโภคและบริโภค ทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 200 บูท ภายใต้โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย มาเลเซียและไทย และมีพิธีลงนาม MRA ระหว่างศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย สถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย และองค์กรรับรองฮาลาลนานาชาติกว่า 47 ประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้เห็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการพัฒนากิจการฮาลาลเพื่อแสดงศักยภาพของประเทศและเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก ซึ่งการส่งออกของไทยเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่าการส่งออกของไทยจะเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ยังมีปัญหาหลายอย่างในโลก มีการแข่งขันมากขึ้น จึงต้องสร้างหุ้นส่วนอาเซียนและสร้างศักยภาพในทุกด้าน โดยมีผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันและเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในปี 2558 จะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่และกว้างขึ้น เนื่องจากเกิดจากการรวมกลุ่มของประชาคมอาเซียน โดยชาวมุสลิมในประชาคมอาเซียนมีประมาณ 300 ล้านคน การค้าขายการลงทุนจึงต้องเน้นไปที่สินค้าและผลิตภัณฑ์อาหารของชาวมุสลิมที่มีกระบวนการการผลิตที่มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร ดังนั้นเราจึงต้องพัฒนาให้สินค้าของไทยมีคุณภาพได้มาตรฐานตามที่ศาสนารับรองและวิทยาศาสตร์รองรับ โดยจะต้องนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้มากขึ้น ที่สำคัญจะต้องทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารของโลกต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่า เกิดจากความแตกต่างทางอาชีพ และความไม่เท่าเทียมกันจนนำไปสู่ความขัดแย้ง แต่เราขอยืนยันว่ารัฐบาลจะคืนความสุขให้ประชาชนคนไทย ทั้งชาวพุทธ มุสลิม หรือศาสนาใดก็ตามอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งใดที่ยังติดค้างตนจะรับไว้เพียงคนเดียว และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และวันเวลาที่เหลือจะแก้ไขปัญหาเพื่อลูกหลาน เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งความสุข สงบ และสันติ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสแรกที่ได้คุยกับพี่น้องชาวมุสลิมในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ทั้งการขับเคลื่อนประเทศที่ตอนนี้เดินหน้าได้พอสมควร 2. การรักษาความปลอดภัยของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 3. การปฏิรูปประเทศ ทั้ง 3 ส่วนนี้ประเทศเพื่อนบ้านก็มีความเข้าใจพอสมควร ซึ่งความเข้าใจนี้เกิดจากการร่วมมือของทุกคน วันนี้ผู้แทนของโอไอซีได้เข้ามาร่วมฟังด้วย ตนของยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด

“ในหลวงทรงตรัสว่าประเทศไทยนั้นทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพในการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยด้วยความเท่าเทียมกัน โดยจะดูแลทุกศาสนาที่อยู่ในประเทศ และผมซึ่งเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็จะดูแลทุกคนให้ดีที่สุดเช่นกัน และหวังว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจะยุติลงโดยเร็วที่สุด ด้วยความร่วมมือของเราทุกคนที่เป็นคนไทยและรัฐบาลจะทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกลไกของกฎหมายที่เป็นที่ยอมรับของสากลและจะไม่ทำอะไรที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น”

ASTV

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น