สำนักข่าวอัลญะซีเราะห์รายงานว่า ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้มีมติอนุมัติมติเรียกร้องให้พม่าดำเนินการให้ “ความเป็นพลเมืองอย่างสมบูรณ์” ต่อชนกลุ่มน้อยโรฮิงญา และต้องยินยอมให้ชาวโรฮิงญาสามารถเดินทางได้โดยอิสระเหมือนชาวพม่าคนอื่นๆ
มติดังกล่าวได้รับการรับรองเป็นฉันทามติในวันจันทร์ที่เน้นการ “ความกังวลอย่างจริงจัง ” เกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาลพม่าต่อชาวโรฮิงญา ถือเป็นการส่งข้อความที่แข็งแกร่งจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่มีสมาชิก 193 ประเทศเป็นปึกแผ่นในความต้องการที่เปลี่ยนแปลงการดำเนินการของพม่าต่อชนกลุ่มน้อยในประเทศ
โดยมติดังกล่าวเป็นมติที่ไม่ผูกมัดในทางปฎิบัติ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการเพื่อให้มั่นใจว่าโรฮิงญาจะมีความปลอดภัย และสามารถเดินทางกลับไปยังชุมชนของตนได้ “และเพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ”
1,300,000 โรฮิงญาได้รับการปฏิเสธการเป็นพลเมืองภายใต้กฎหมายแห่งชาติ และกลายเป็นคนไร้สัญชาติ โดยทางการพม่าต้องการที่จะจัดหมวดหมู่พวกเขาอย่างเป็นทางการว่า “Bengalis” นัยว่าพวกเขาเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากเพื่อนบ้านบังคลาเทศ
หลังจากที่พม่าเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงจากการปกครองแบบเผด็จการกับประชาธิปไตยในปี 2011 ซึ่งเสรีภาพในการแสดงออกมากขึ้น เปลวไฟแห่งความเกลียดชังชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาโดยกลุ่มชาวพุทธหัวรุนแรงก็พัดโชนขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงขึ้นด้วย
