ปฏิบัติการค้นหาซากเครื่องบินและร่างผู้เสียชีวิต ตลอดจน “กล่องดำ” ของเครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบิน “QZ8501” ในวันพุธ (31 ธ.ค.) เผชิญกับอุปสรรคสำคัญจากสภาพอากาศที่เลวร้าย แต่ทีมค้นหาและกู้ภัยทั้งทางเรือและทางอากาศ ยังคงพบศพของผู้โดยสารและลูกเรือ รวมถึงเศษซากของเครื่องบินเพิ่มเติมบริเวณจุดตกซึ่งเป็นน่านน้ำนอกชายฝั่งเกาะบอร์เนียว
รายงานข่าวระบุว่า สภาพอากาศที่แปรปรวนและเลวร้ายในวันพุธ (31) ทั้งกระแสลมที่พัดแรง รวมทั้งคลื่นในทะเลที่มีความสูง 2-3 เมตรกลายเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับทีมค้นหาในการเข้าถึงจุดที่เที่ยวบิน QZ8501 ของแอร์เอเชียตกสู่ทะเลเมื่อวันอาทิตย์ (28) หลังขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศราว 40 นาที เป็นเหตุให้ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 162 ชีวิตที่อยู่ระหว่างการเดินทางจากเมืองสุราบายาของอินโดนีเซีย มุ่งหน้าไปยังสิงคโปร์ เสียชีวิตทั้งหมด
ในช่วงเช้าของวันพุธ (31) ทีมค้นหาสามารถพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 3 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีร่างไร้วิญญาณของแอร์โฮสเตสสาวรายหนึ่งของแอร์เอเชียรวมอยู่ด้วย โดยทีมค้นหาพบร่างของเธอซึ่งยังคงอยู่ในชุดยูนิฟอร์มของสายการบินลอยอยู่บนผิวน้ำไม่ไกลจากจุดที่เครื่องบินตก
อย่างไรก็ดี สภาพอากาศที่เลวร้ายส่งผลให้ภารกิจของทีมค้นหาดำเนินไปได้อย่างล่าช้า และส่งผลให้เพิ่งมีการพบร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดประมาณ 6 ศพเท่านั้น จากการเปิดเผยของฟรานซิสกุส บัมบัง โซลิสตีโย หัวหน้าหน่วยงานค้นหาและกู้ภัยภารกิจครั้งนี้
ด้านนีล แฮนส์ฟอร์ด อดีตนักบินมากประสบการณ์และประธานของบริษัทที่ปรึกษาด้านการบิน “Strategic Aviation Solutions” ซึ่งมีฐานอยู่ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกงออกมาให้ความเห็นว่า ข้อมูลจากสภาพของเศษซากเครื่องบินที่พบ บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ว่า เครื่องบินแอร์บัส เอ320-200 ของสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบินดังกล่าว น่าจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆหลังจากที่เครื่องตกกระแทกผิวน้ำด้วยความเร็วสูง มากกว่าที่จะระเบิดกลางอากาศ
ล่าสุดประธานาธิบดีโจโก วิโดโดผู้นำอินโดนีเซียออกมากล่าวที่เมืองสุราบายาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ และย้ำว่า ขณะนี้ภารกิจเร่งด่วนที่มีความสำคัญลำดับแรก คือ การค้นหาและนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาจากน่านน้ำบริเวณช่องแคบคาริมาตาในทะลชวา ซึ่งเป็นจุดที่ทีมกู้ภัยพบชิ้นส่วนบริเวณประตูของเครื่องบิน และเศษซากอื่นๆเมื่อวันอังคาร (30)
ขณะที่โทนี เฟร์นันเดส ซีอีโอชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดียวัย 50 ปี ของสายการบินแอร์เอเชีย และประธานสโมสรฟุตบอล ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์สในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ออกมาระบุว่า โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบิน QZ8501 ถือเป็นฝันร้ายที่เลวร้ายย่ำแย่ที่สุด
ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่ากองทัพสหรัฐฯเตรียมส่งเรือพิฆาตยูเอสเอส แซมป์สัน และเรือประจัญบานยูเอสเอสฟอร์ทเวิร์ธเข้าร่วมภารกิจค้นหาและกู้ภัยซึ่งขึ้นตรงต่อศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในอินโดนีเซีย ส่งผลให้ในขณะนี้มีเรือจำนวนประมาณ 30 ลำ และเครื่องบินแบบต่างๆ 21 ลำทั้งจากอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมในภารกิจค้นหาเศษซากของเที่ยวบิน QZ8501 รวมถึงร่างผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินของแอร์เอเชียเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่เริ่มดำเนินกิจการในปี 2002
ก่อนหน้านี้มีรายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดที่เปิดเผยต่อทีมสืบสวนเหตุเครื่องบินสายการบินแอร์เอเชีย ดิ่งลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งอินโดนีเซีย โดยระบุหนึ่งในกรอบการสืบสวนขั้นต้นก็คือการหาความชัดเจนว่านักบินได้ร้องขอไต่ระดับเพดานบินขึ้นไป หรือเริ่มไต่ระดับความสูงขึ้นไปเองในกรณีที่เจอเหตุฉุกเฉิน และการหาข้อสรุปว่าพายุที่ก่อตัวอยู่ในพื้นที่ในวันเกิดเหตุมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่ในโศกนาฏกรรมครั้งนี้
“ขณะนี้เรารู้เพียงว่าในพื้นที่เกิดเหตุมีสภาพอากาศเลวร้าย และมีพายุ แต่เราไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดนักบิน ถึงร้องขอไต่ระดับเพดานบินในจังหวะเวลาเช่นนั้น เรายังคงมีข้อสงสัยว่าเขาควรไต่ระดับขึ้นก่อนหน้านั้นหรือไม่ และมีเครื่องบินลำอื่นบินอยู่ในระดับที่สูงกว่าในพื้นที่ดังกล่าวหรือเปล่า นอกจากนั้น นักบินทั้งสองมีปฏิกิริยาอย่างไรกับสภาพอากาศ ซึ่งประเด็นทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เรากำลังตั้งคำถามและพยายามหาคำตอบให้ได้โดยเร็ว” แหล่งข่าวเผย
ด้านคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติอินโดนีเซีย(เอ็นทีเอสซี) ถูกวางให้เป็นผู้นำการสืบสวนหาต้นตอของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินของแอร์เอเชียลำนี้ โดยมีจะมีตัวแทนจากสหรัฐฯ ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรเข้าร่วมด้วย
ขณะที่สื่อในอินโดนีเซียนำเสนอรายงานว่า บรรดาเพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมงาน ต่างยืนยันว่า “กัปตันอิริยันโต” วัย 53 ปี ที่เป็นผู้ควบคุมเครื่องบินแอร์เอเชียลำดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในนักบินเครื่องบินรบฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งของประเทศ ก่อนที่จะลาออกจากกองทัพเพื่อมาเป็นนักบินสายการบินพาณิชย์ในปี 2008 ก่อนจะมาร่วมงานกับแอร์เอเชีย เมื่อราว 3 ปีก่อน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย ระบุว่า ณ เวลา 6.12 น.ของวันอาทิตย์ (28ธ.ค.) หรือ 36 นาทีหลังขึ้นบินจากท่าอากาศยานเมืองสุราบายา นักบินของเที่ยวบิน QZ8501 ที่มุ่งหน้าสู่สิงคโปร์ ได้ร้องขออนุญาตจากหอบังคับการบินที่กรุงจาการ์ตา ไต่ระดับขึ้นไปอีก 6,000 ฟุตสู่ความสูงที่ระดับ 38,000 ฟุต และเบี่ยงออกซ้ายเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศอันเลวร้าย โดยในอีก 2 นาทีต่อมา ทางจาการ์ตาได้ตอบสนองต่อคำขอของเที่ยวบิน QZ8501 ด้วยการบอกให้เครื่องบินลำนี้ไปทางซ้าย ราว 11 กิโลเมตร และไต่ระดับสูงความสูง 34,000 ฟุต แต่ไม่มีเสียงขานรับใดๆจากนักบิน ขณะที่เรดาร์ของหอบังคับการบินสามารถจับความเคลื่อนไหวของเครื่องบินได้ อีกราวๆ 3 นาทีหลังจากนั้น ก่อนที่มันจะสูญหายไปตอนเวลา 6.18 น.