ผลวิจัยกาแฟเย็นพบ มอคคาให้พลังงานสูงสุดถึง 400 กิโลแคลอรี ลาเต้ต่ำสุด 200 กว่ากิโลแคลอรี ขณะที่ไขมันพบสูงสุด 22.1 กรัม น้ำตาลเพียบ ย้ำอยากกินมันให้เติมนมสด ไม่ควรใช้ครีมเทียม ต้นเหตุไขมันอุดตันเส้นเลือด แนะดื่มน้ำตามมากๆ หลังจิบกาแฟ
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยเรื่อง สารอาหารในกาแฟเย็น เพื่อหาปริมาณสารอาหารหลักและน้ำตาลในกาแฟเย็น โดยสำนักโภชนาการ ซึ่งเก็บตัวอย่างกาแฟ 3 สูตร คือ มอคคา ลาเต้ และคาปูชิโน จากร้านขายกาแฟ 3 ประเภท คือ ร้านที่เป็นแบรนด์ต่างชาติ แบรนด์ไทย และร้านเล็กๆ ทั่วไป ขนาดบรรจุ 13-20 ออนซ์หรือ 390-600 มิลลิลิตร ราคาต่อแก้ว 15-145 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและร้านที่ซื้อ จำนวน 43 ตัวอย่าง แล้วนำมาตวงหาปริมาณแต่ละแก้วแล้วนำรวมผสมเป็นเนื้อเดียวกันก่อนทำการวิเคราะห์ โดยผลการศึกษาพบว่า ใน 1 แก้ว มีปริมาณพลังงาน 97-400 กิโลแคลอรี ไขมัน 0.4-22.1 กรัม โปรตีน 0.6-10.9 กรัม คารโบไฮเดรต 14.4-49.4 กรัม เป็นส่วนที่เป็นน้ำตาล 11-38 กรัม หรือประมาณ 3-10 ช้อนชา
นพ.พรเทพ กล่าวว่า เมื่อแยกตามชนิดของสูตรกาแฟ พบว่า สูตรลาเต้ 1 แก้ว มีพลังงาน 109-288 กิโลแคลอรี น้ำตาล ประมาณ 3-9 ช้อนชา คาปูชิโน 1 แก้ว มีพลังงาน 157-303 กิโลแคลอรี น้ำตาล ประมาณ 6-9 ช้อนชา มอคคา 1 แก้ว มีพลังงาน 159-400 กิโลแคลอรี และน้ำตาล ประมาณ 5-9 ช้อนชา ส่วนกาแฟสูตรอื่นๆ มีพลังงาน 97-317 กิโลแคลอรีและมีน้ำตาล ประมาณ 5-9 ช้อนชา ทั้งนี้ ทุกตัวอย่างที่มีขนาดบรรจุ 20 ออนซ์จะมีพลังงานมากกว่า 200 กิโลแคลอรีและมีน้ำตาลประมาณ 8-9 ช้อนชา
“ปกติกาแฟจะมีรสขม ในการดื่มจึงมีการเติมน้ำตาลและครีมเทียม โดยเฉพาะการเติมครีมเทียมที่เป็นไขมันทรานซ์ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว ทำให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ จึงไม่ควรเติมครีมเทียม หากต้องการเพิ่มความมันควรใส่นมสดแทน ส่วนน้ำตาล แต่ละคนควรได้รับน้ำตาลสูงสุด 2-3 ช้อนชาต่อวัน ขณะที่ในกาแฟ 1 แก้ว มีน้ำตาลเกินปริมาณที่ควรได้รับน้ำตาลในแต่ละวัน ซึ่งหากได้รับน้ำตาลมากเกินไปเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ดังนั้น การดื่มกาแฟไม่ควรใช้ครีมเทียม และเติมน้ำตาลเกินปริมาณ และควรดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อไม่ให้เกิดอาการขาดน้ำ เนื่องจากเมื่อดื่มกาแฟร่างกายจะมีการขับน้ำออกมา จึงมักจะเกิดอาการหิวน้ำ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว