ผู้นำสูงสุดมุสลิมในออสเตรเลียออกมาวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาลแคนเบอร์ราในการโหวตคัดค้านมติร่างที่ชาติอาหรับเป็นผู้เสนอผ่านคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติที่กำหนดให้อิสราเอลต้องยอมเจรจาสันติภาพกับปาเลสไตน์ในเวลา 1 ปี และอิสราเอลต้องยุติการยึดครองดินแดนของปาเลสไตน์ภายใน 2 ปี
ในแถลงการณ์ของอิบรอฮิม อบู มูฮัมหมัด กล่าวว่า “เรารู้สึกประหลาดใจในการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียซึ่งรองรับปาเลสไตน์ในฐานะที่เป็นเจ้าของที่ดิน แต่กลับปฏิเสธความปรารถนาของเจ้าของที่ดินที่จะเป็นอิสระจากการยึดครองของอิสราเอล”
โดยเมื่อวันอังคารที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมาคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติปฏิเสธร่างมติของปาเลสไตน์ที่ระบุกำหนดเวลาสำหรับการสร้างรัฐปาเลสไตน์ และสิ้นสุดการยึดครองของอิสราเอล
ในการลงมติดังกล่าวสหรัฐอเมริกาใช้สิทธิในการยับยั้งต่อต้านร่างมติหรือวีโต้ นอกจากนี้ยังมีออสเตรเลียที่ลงคะแนนเสียงค้านร้างมติดังกล่าวด้วย ขณะที่แปดประเทศคือ จีน, ฝรั่งเศส, รัสเซีย และสมาชิกไม่ถาวรอาร์เจนตินา, ชาด, ชิลี, จอร์แดน และลักเซมเบิร์กลงมติเห็นชอบของมัน
มุฟตีของออสเตรเลียกล่าวเพิ่มว่าการกระทำดังกล่าวของออสเตรเลียถือว่า “ความพ่ายแพ้ทางเสรีภาพและถดถอยทางด้านสิทธิมนุษยชน ด้านคุณค่าของความยุติธรรม และด้านประชาธิปไตย”
อบู มูฮัมหมัดเตือนกับการเพิกเฉยต่อสิทธิของชาวปาเลสไตน์ และการดำเนินนโยบายต่างประเทศของออสเตรเลียจะเป็นหนึ่งในประเด็นหลักที่สร้างสภาพแวดล้อมของความโกรธและความรุนแรงที่จะเกิดมา
เพื่อที่จะได้ผ่านร่างมติปาเลสไตน์ส่งมาจากจอร์แดนจำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากเก้าสมาชิก 15 ชาติโดยต้องไม่มีการใช้สิทธิ์ยับยั้งใด ๆ ของห้าสมาชิกถาวรที่ประกอบด้วย (สหรัฐอเมริกา, รัสเซีย, อังกฤษ, ฝรั่งเศสและจีน)