เตรียมเก็บภาษีน้ำมัน-ก๊าซ ในกทม. 5 สตางค์ต่อลิตร

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2557 ในที่ประชุมสภากทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์บริพัตรผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)ได้เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกทม.เรื่องการเก็บภาษีบำรุงกรุงเทพมหานครสำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันที่คล้ายกันน้ำมันดีเซลและน้ำมันที่คล้ายกันและก๊าซปิโตเลียม จากสถานการค้าปลีกพ.ศ….ว่า

เนื่องด้วยกทม.ได้ยกร่างข้อบัญญัติดังกล่าวขึ้นเพื่อใช้ในการจัดเก็บภาษีบำรุงกรุงเทพมหานครสำหรับน้ำมันเบนซินน้ำมันดีเซลและน้ำมันที่คล้ายกันฯกับสถานีจำหน่ายน้ำมันค้าปลีกตามมาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ.2528 ซึ่งส.ก.ได้มีการพิจารณากันอย่างกว้างขวาง

โดยนายคำรณโกมล ศุภกิจ ส.ก.กทม.กล่าวว่าสภากทม.เห็นด้วยในร่างข้อบัญญัตินี้ซึ่งจังหวัดอื่นๆ ได้จัดเก็บกันมานานและกทม.ก็มี พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ.2528 ซึ่งระบุให้ท้องถิ่นสามารถจัดเก็บภาษีดังกล่าวได้ในอัตราไม่เกินลิตรละ 5 สตางค์แต่ กทม.เพิ่งมีการออกข้อบัญญัติเพื่อจัดเก็บ

โดยหากจัดเก็บภาษีนี้ได้จะทำให้กทม.มีรายได้ปีละหลายร้อยล้านบาทเพื่อนำมาพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆซึ่งปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯมีสถานีจำหน่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันกว่า 800 แห่ง

ด้านนายกฤษฎา กลันทานนท์ รองปลัด กทม.ในฐานะคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติดังกล่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ผู้บริหารกทม.มีนโยบายไม่จัดเก็บภาษีดังกล่าวแม้ว่ามีกฎหมายรองรับเนื่องจากราคาน้ำมันค่อนข้างสูงอาจสร้างผลกระทบต่อประชาชนแต่ขณะนี้ราคาน้ำมันถูกปรับลดลงมาจึงเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเริ่มจัดเก็บเช่นเดียวกับหน่วยงานท้องถิ่นอื่นๆ ที่อัตราลิตรละ 5 สตางค์

คาดว่าจะสามารถจัดเก็บได้ปีละประมาณ 500 ล้านบาททั้งนี้คาดว่าคณะกรรมการวิสามัญฯ อาจต้องใช้เวลาในการพิจารณาเนื่องจากมีหลายประเด็นที่ต้องดูอย่างรอบคอบจึงอาจนำเข้าที่ประชุมสภากทม.เพื่อขอความเห็นชอบในสมัยประชุมสามัญสมัยที่ 2ในเดือนเมษายน

แต่หากคณะกรรมการวิสามัญฯเห็นเป็นเรื่องเร่งด่วนก็อาจมีการเปิดประชุมวิสามัญก่อนแต่จะเริ่มจัดเก็บภายในปีนี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการและแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติดังกล่าวจำนวน 17 คน แบ่งเป็นส.ก. 9 คน ฝ่ายบริหาร 8 คน กำหนดระยะเวลาแปรญัตติภายใน 5 วัน.

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น