เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นได้เดินทางไปยังกรุงเทลอาวีฟ โดยนับเป็นการเปิดฉากทริปเยือนรัฐยิวนาน 3 วัน ซึ่งอิสราเอลเชิดชูว่าเป็นโอกาสในการพัฒนาสายสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
การเยือนอิสราเอลและปาเลสไตน์เป็นเวลา 3 วัน นับเป็นโค้งสุดท้ายของการเดินทางไปตะวันออกกลางนาน 6 วัน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและสันติภาพในระดับภูมิภาค
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล กล่าวกับอาเบะ ที่นครเยรูซาเลมของปาเลสไตน์ว่า การเดินทางเยือนครั้งนี้ถือเป็นการ “เปิดโอกาสครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ให้เราได้ดึงศักยภาพของประชาชนชาวญี่ปุ่นและอิสราเอลเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียวกัน”
เนทันยาฮูกล่าวเสริมว่า “ผมคิดว่ายังมีภาคเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และภาคอื่นๆ อีกมากมายที่เราสามารถร่วมมือกันได้”
ผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับอาเบะในครั้งนี้ คือคณะผู้แทนของรัฐบาลญี่ปุ่น และผู้บริหารระดับสูงของกิจการชั้นนำในแดนอาทิตย์อุทัย ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำโลกในแวดวงธุรกิจของตนเองรวม 100 คน
นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเดินทางเยือนอิสราเอล โดยนายกรัฐมนตรี เนทันยาฮู กล่าวกับคณะรัฐมนตรีว่า ถือเป็นโอกาสในการผลักดันความพยายามด้านเศรษฐกิจในตลาดตะวันออกไกล รวมทั้งจีนและอินเดีย
“เหตุที่อิสราเอลปรารถนาจะติดต่อค้าขายกับเอเชียตะวันออกนั้นก็เพื่อ “ลดการพึ่งพาตลาดบางแห่งในภูมิภาคยุโรปตะวันตก … ที่กำลังเผชิญกระแสอิสลามานุวัตร กระแสเกลียดชังยิว และต่อต้านอิสราเอล ” เนทันยาฮูกล่าว
ที่อิสราเอล ผู้นำแดนอาทิตย์อุทัยมีกำหนดเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรี เนทันยาฮู และประธานาธิบดี รูเวน ริฟลิน แห่งอิสราเอล ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเขตเวสต์แบงก์ เพื่อเข้าพบประธานาธิบดี มะห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ในวันนี้ (20)
สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นแถลงว่า เป็นที่คาดหมายว่า อาเบะจะเรียกร้องให้อิสราเอลกับปาเลสไตน์หาทางกลับคืนสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพกันอีกครั้ง ภายหลังที่การเจรจาสันติภาพของทั้งสองพังไม่เป็นท่าเมื่อ 9 เดือนก่อน
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่ผู้นำญี่ปุ่นจะวอนให้อิสราเอลยับยั้งแผนการ หรือถ้อยแถลงใดๆ ที่อาจกระตุ้นให้บรรยากาศในการเผชิญหน้าระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ต้องทวีความตึงเครียด
ทั้งนี้ การเดินทางของอาเบะเริ่มต้นขึ้น ภายหลังศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) แถลงว่าจะเปิดฉากไต่สวนมูลฟ้องอาชญากรรมสงครามกับอิสราเอล หลังจากได้รับคำร้องจากปาเลสไตน์
ความเคลื่อนไหวของปาเลสไตน์ในการเรียกร้องหาเสรีภาพ และความยุติธรรมได้จุดประกายให้อิสราเอลและสหรัฐฯ ออกมารุมประณามอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังมีรายงานออกมาว่า เนทันยาฮูจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นหารือกับอาเบะ
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นทั้งรัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ที่สุดของ ICC ตามข้อมูลเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2014 โตเกียวได้บริจาคเงิน 20.4 ล้านยูโร เพื่อเป็นงบประมาณประจำปีของศาล จากยอดเงินบริจาคของนานาชาติทั้งสิ้น 121.6 ล้านยูโร
อิสราเอลประกาศกร้าวจะล็อบบีเหล่าชาติสมาชิกให้ระงับการบริจาคเงินแก่ศาลอาญาระหว่างประเทศ
เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ปาเลสไตน์ได้ยื่นเรื่องเข้าเป็นรัฐภาคี ICC ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนเมษายน
ปาเลสไตน์ได้ยอมรับให้ ICC ใช้อำนาจศาลไต่สวนเหตุการณ์ย้อนหลัง รวมทั้ง กรณีอิสราเอลส่งฝูงบินรบโจมตีสังหารโหดพลเรือนในฉนวนกาซา จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และกระตุ้นให้ศาลต้องเริ่มไต่สวนมูลฟ้อง
เมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว เนทันยาฮูเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นเวลา 5 วัน เพื่อเข้าร่วมการเจรจาหารือที่เน้นหนักไปทางด้านการพัฒนาการค้าเทคโนโลยีชั้นสูง ระหว่างทั้งสองประเทศ
เมื่อคืนนี้ เนทันยาฮูได้ย้ำ ในที่ประชุมเศรษฐกิจ ณ นครเยรูซาเลม ระหว่างหารือกับนายกฯ อาเบะ ว่า อิสราเอล “ต้องเจาะตลาดที่หลากหลาย เพื่อเข้าถึงญี่ปุ่น และเขตเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อื่นๆ ในเอเชีย”
ทั้งนี้ ยอดการส่งออกสินค้าจากอิสราเอลไปยังญี่ปุ่นเมื่อปี 2013 นั้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.1 ของการส่งออกโดยรวมของรัฐยิว