กรีซเปิดคูหาเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในวันอาทิตย์ (25 ม.ค.) ซึ่งเป็นการแข่งขันครั้งสำคัญที่อาจส่งผลกระทบวงกว้างต่อยูโรโซน เนื่องจากมีแนวโน้มว่า ชัยชนะอาจตกเป็นของพรรคซ้ายจัดที่รณรงค์หาเสียงสัญญาจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเงินกู้ซึ่งประเทศได้รับจากไอเอ็มเอฟและอียู อันจะทำให้ยูโรโซนเข้าสู่วิกฤตรอบใหม่ และอาจทำให้เอเธนส์ถึงขั้นถูกขับออกจากการใช้สกุลเงินยูโร
พรรคซ้ายจัด “ไซรีซา” ที่นำโดยอเล็กซิส ซีปราส มีคะแนนนำพรรคแนวทางอนุรักษนิยม “นิว เดโมเครซี” ของนายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราส ตลอดช่วงหาเสียงการเลือกตั้งคราวนี้ซึ่งจัดให้มีขึ้นก่อนกำหนดถึง 2 ปี โดยที่ผลโพลล่าสุดหลายสำนักชี้ว่า ไซรีซา เป็นฝ่ายนำอยู่ประมาณ 4%
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจเหล่านั้นแสดงให้เห็นด้วยว่า มีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงกลุ่มใหญ่ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ บ่งชี้ว่า ไซรีซาอาจได้คะแนนไม่มากพอจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่ขอการสนับสนุนจากพรรคอื่น
ซามาราสนั้นประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญต่ออนาคตของชาติ
“วันนี้เราจะตัดสินใจว่า เราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยความแข็งแกร่ง ความมั่นคง และความมั่นใจ หรือเราจะเดินหน้าเข้าสู่การผจญภัย” ผู้นำปัจจุบันของกรีซยังแสดงความมั่นใจว่า จะได้รับชัยชนะ โดยอ้างอิงกลุ่มผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ
ทางด้านซีปราสประกาศว่า “วันนี้ชาวกรีซได้รับการเรียกร้องให้ก้าวต่อไปเพื่อฟื้นความหวัง ยุติความกลัว ฟื้นประชาธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศ” และสำทับว่า การเลือกไซรีซาจะรับประกันว่า กรีซจะเจรจาอย่างแข็งกร้าวเพื่ออยู่ร่วมในสหภาพยุโรป (อียู) บนพื้นฐานแห่งความเท่าเทียม
ไซรีซานั้นให้คำมั่นระหว่างการรณรงค์หาเสียงว่า จะเปิดเจรจาใหม่เรื่องบรรดาเงื่อนไขของข้อตกลงเงินกู้จำนวนรวม 240,000 ล้านดอลลาร์ ที่กรีซทำไว้กับ “ทรอยกา” อันประกอบด้วย สหภาพยุโรป (อียู) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ทั้งนี้ เจ้าหนี้ต่างชาติเหล่านี้กำหนดแผนการปฏิรูปด้านต่างๆ มากมายขึ้นมา เป็นการแลกเปลี่ยนกับการให้เงินกู้ก้อนมหึมาแก่กรีซ ซึ่งได้ช่วยให้ประเทศนี้ยังมีงบประมาณใช้จ่ายนับจากปี 2010 รวมทั้งได้รับการแทงบัญชีหนี้สูญบางส่วนจากยอดทั้งหมด 358,000 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ซีปราสยังต้องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ลดค่าไฟฟ้าสำหรับครอบครัวผู้มีรายได้ต่ำ ลดภาษี และยกเลิกการตัดค่าใช้จ่ายโครงการรัฐ
กระแสต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดเช่นนี้ กระตุ้นให้เกิดความกังวลรอบใหม่ว่า เอเธนส์จะสามารถหลุดพ้นจากปัญหาหนักหน่วงทางเศรษฐกิจที่ตนเองเผชิญอยู่ได้หรือไม่ โดยที่วิกฤตการเงินนั้นได้กัดกินให้เศรษฐกิจลดขนาดลงถึง 25% และส่งให้อัตราว่างงานในหมู่หนุ่มสาวพุ่งโด่งกว่า 50% รวมถึงทำให้หนี้สาธารณะทะยานจาก 146% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เป็น 175.5% เมื่อปีที่แล้ว
บรรดาเจ้าหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอียู ต่างยืนยันว่า เอเธนส์ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้ หากต้องการที่จะรับการสนับสนุนต่อ ขณะที่นักลงทุนและตลาดการเงินต่างหวาดผวาว่า ถ้าพรรคฝ่ายซ้ายจัดได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และไม่สามารถตกลงกับฝ่ายเจ้าหนี้ได้ กรีซอาจจะถึงขั้นล้มละลายและหมดความสามารถในการชำระหนี้ ถึงแม้กระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับ “Grexit” หรือการที่กรีซออกจากยูโรโซน และแนวโน้มสกุลเงินแห่งยุโรปจะล่มสลาย ในคราวนี้ยังไม่รุนแรงเท่าในช่วงเลือกตั้งในกรีซครั้งที่แล้วเมื่อปี 2012
ในส่วนจุดขายของซามาราสนั้น เขาเน้นที่การปรับปรุงเศรษฐกิจ ที่เมื่อไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วเพิ่งอยู่ในภาวะขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 ปี โดยสัญญาจะลดภาษีหากได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง พร้อมเตือนว่า การเจรจาปรับเงื่อนไขเงินกู้กับทรอยกาอาจนำมาซึ่งผลลบร้ายแรง การหาเสียงเช่นนี้ทำให้คู่แข่งกล่าวหาซามาราสว่า เอาความกลัวของประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ในทางกลับกัน คำมั่นของไซรีซาในการยุติมาตรการรัดเข็มขัด ปรากฏว่าได้ใจประชาชนจำนวนมากที่โกรธเกรี้ยวกับมาตรฐานการครองชีพที่เสื่อมทรุด มิหนำซ้ำยังถูกขุดรีดภาษีเพิ่ม
คำถามสำคัญก็คือ จะมีพรรคใดที่กวาดคะแนน 151 ที่นั่งจากจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 300 ที่นั่ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียวหรือไม่ หากไม่มี พรรคที่ได้คะแนนสูงสุดจะต้องพยายามชักชวนพรรคอื่นๆ อย่างน้อย 1 พรรคเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยตามรัฐธรรมนูญ พรรคที่ได้คะแนนมากที่สุด 3 พรรคมีเวลา 3 วัน ซึ่งหากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 1 เดือน
อีกทางเลือกหนึ่งคือ พรรคที่ได้คะแนนสูงสุด จะต้องพยายามจัดตั้งรัฐบาลเสียงส่วนน้อย โดยที่พรรคที่ให้การสนับสนุนอาจจะไม่เข้าร่วมในรัฐบาล
ทั้งนี้ หากไซรีซาได้รับชัยชนะจะถือเป็นรัฐบาลชุดแรกในยูโรโซนที่ประกาศยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัดที่ทำกับทรอยกา และเป็นจุดหักมุมอีกครั้งหลังจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว อีซีบีประกาศอัดฉีดเงินก้อนใหญ่เพื่อกระตุ้นการเศรษฐกิจ ภายหลังพยายามควบคุมงบประมาณและผลักดันให้ประเทศสมาชิกอียูปรับโครงสร้างมาหลายปี
แต่ไม่ว่าพรรคใดจะได้เป็นรัฐบาล ล้วนต้องแบกรับภารกิจยากลำบากมากมาย โจทย์ยากที่สุดคือ การเจรจาเพื่อให้เจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้งวดต่อไปมูลค่า 8,100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกำหนดเดิมคือปลายปีที่แล้ว รวมถึงการขอลดหนี้บางส่วน และการฟื้นอัตราการเติบโตที่ยังคงอ่อนแอ
เช่นเดียวกับในการเลือกตั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เวลานี้กรีซมีเงินสดเหลือพออยู่ได้อีกไม่กี่เดือน และต้องชำระหนี้เกือบ 11,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า