อินเดียประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในการใช้เครื่องปล่อยขีปนาวุธเคลื่อนที่เพื่อทดสอบยิงขีปนาวุธ ซึ่งสามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ลึกเข้าไปภายในประเทศคู่ขัดแย้งอย่างจีนได้
แม้ว่าการทดสอบยิงในวันนี้ (31) จะเป็นการทดสอบครั้งที่สามของขีปนาวุธ อัคนี 5 (Agni V) แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อาวุธรุ่นนี้ถูกยิงออกจากท่อเก็บจรวด (canister) ที่ติดตั้งบนรถบรรทุกแทนฐานยิงคอนกรีตที่ถูกใช้ในการทดสอบก่อนหน้านี้
กลไกการส่งแบบใหม่นี้จะทำให้กองทัพมีความคล่องตัวในปฏิบัติการมากขึ้น
“การทดสอบยิงอัคนี 5 จากท่อเก็บจรวดเป็นผลสำเร็จจะทำให้ขีปนาวุธรุ่นนี้เป็นทรัพย์สินที่ทรงคุณค่าสำหรับกองทัพเรา” นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แหล่งอินเดียกล่าวในทวิตเตอร์ หลังจากเสร็จสิ้นทดสองดังกล่าวบนเกาะแห่งหนึ่งนอกรัฐโอริสสาทางตะวันออก
อัคนี วี ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยองค์กรวิจัยและพัฒนาด้านความมั่นคงของแดนภารตะ (Defence Research and Development Organisation) ถูกทดสอบเป็นครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2012
นักวิเคราะห์ ระบุว่า อัคนี 5 มีพิสัยที่จะโจมตีเป้าหมายใดก็ได้บนแผ่นดินใหญ่ของแดนมังกร รวมถึงกองบัญชาการทหารในภาคตะวันออกเฉียงเหนือไกล
อินเดียมองว่าขีปนาวุธรุ่นนี้ ซึ่งมีพิสัย 5,000 กิโลเมตร เป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะส่งเสริมความทะเยอทะยานทางอำนาจในภูมิภาคของพวกเขา และลดช่องว่างขนาดใหญ่ที่มีกับระบบขีปนาวุธของจีน แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตามที
อัคนี ซึ่งในภาษาสันสกฤตมีความหมายว่า “ไฟ” คือชื่อที่ตั้งให้กับซีรีย์ของขีปนาวุธที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาขีปนาวุธนำวิถี ซึ่งเริ่มต้นในปี 1983
ขณะที่อัคนี 1 และ 2 ที่มีพิสัยใกล้กว่าถูกพัฒนาขึ้นร่วมกับคู่ขัดแย้งดั้งเดิมอย่างปากีสถานเสียเป็นส่วนใหญ่ นักวิเคราะห์ ระบุว่า รุ่นใหม่ๆ หลังจากนั้นที่มีพิสัยไกลกว่าสะท้อนให้เห็นถึงการที่อินเดียเบี่ยงความสนใจมายังจีน
อินเดียและจีน ซึ่งต่างมีประชากรมากกว่า 1 พันล้านคน มีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นนักและมีความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันฝังลึกมายาวนาน ซึ่งมีสาเหตุมาจากสงครามชายแดนในปี 1962 ที่ดำเนินอยู่ไม่นานนักแต่มีการเสียเลือดเสียเนื้อมากมาย
อินเดีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าอาวุธชั้นนำของโลก อยู่ระหว่างดำเนินโครงการยกระดับด้านความมั่นคงมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 3 ล้านล้านบาท) และมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมกลาโหมของตัวเอง