กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐ เผยเมื่อวันศุกร์ ผู้ติดเชื้อโรคหัด ซึ่งเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกิน 100 คน พบใน 14 รัฐของสหรัฐ ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย แอริโซนา โคโลราโด อิลลินอยส์ มินเนสโซตา มิชิแกน เนบราสกา นิวยอร์ก ออริกอน เพนซิลเวเนีย เซาธ์ดาโกตา เทกซัส ยูทาห์ วอชิงตัน รวมถึงในประเทศเม็กซิโกด้วย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการทุเลาลงใน 2 – 3 สัปดาห์ ยกเว้นบางรายที่มีอาการรุนแรง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสันนิษฐานว่า การแพร่ระบาดมีต้นตอมาจากชาวต่างชาติที่ติดเชื้อ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังสวนสนุกดังกล่าวระหว่างวันที่ 15 – 20 ธ.ค.
ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) และรัฐบาลสหรัฐ ต่างรณรงค์ให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญและนำบุตรหลายเข้ารับวัคซีนเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ นายจอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า แม้การนำเด็กเข้ารับวัคซีนจะเป็นสิทธิในการตัดสินใจของผู้ปกครอง แต่ประชาชนควรพิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยปราศจากอคติที่มีต่อวิทยาศาสตร์ และรับฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
การแพร่ระบาดครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่เด็กบางคนไม่ได้รับวัคซีน เนื่องจากผู้ปกครองบางกลุ่มมีแนวคิดต่อต้านวัคซีน เพราะมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น จนนำไปสู่กระแสถกเถียงในวงกว้าง โดยโรคหัดถูกประกาศว่าหมดไปจากสหรัฐตั้งแต่ปี 2543 แต่เพิ่งกลับมาระบาดรุนแรงอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในรอบ 20 ปี โดยเชื่อว่าเป็นเชื้อที่นำเข้ามาจากนอกประเทศโดยนักเดินทางต่างชาติ
