ศาลปกครองรับคดีญาติเหยื่อผู้ต้องหาไฟใต้ถูกวิสามัญไม่เป็นธรรมฟ้อง สตช.

ศาลปกครองจังหวัดสงขลามีคำสั่งรับฟ้องคดี นางสาวซำซียะห์ หะยีมะตะโละ พร้อมผู้ฟ้องคดีอีก 4 ราย ฟ้อง สตช.และสำนักนายกรัฐมนตรี จากเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญ 2 ผู้ต้องสงสัยขณะปฏิบัติการปิดล้อมจับกุมโจรใต้ พบพิรุธเหตุใดจึงถูกยิงทั้งที่เข้ามอบตัว และมัดมือ โดยเรียกค่าสินไหมทดแทนกว่า 24 ล้านบาท

วันนี้ (3 ก.พ.) นายปรีดา นาคผิว ทนายความมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ฟ้องคดี ได้รับใบแจ้งคำสั่งศาลปกครองสงขลาว่า ศาลมีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาแล้ว เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2558 ในคดีหมายเลขดำที่ 155/2557 นางสาวซำซียะห์ หะยีมะตะโละ และบุตรผู้เยาว์ 3 คน กับมารดาของผู้ตาย ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ถึงที่ 5 ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2
ส่วนสาเหตุที่ฟ้องคดีนั้นเกิดจาก กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงนายสูเพียง สาและ ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2556 ที่หมู่บ้านสะแนะ ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยศาลยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งห้า ดังนั้นจึงถือว่าในเหตุการณ์เดียวกันที่หมู่บ้านสะแนะ คดีนี้ศาลปกครองสงขลาได้รับฟ้องโดยยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นญาติของทั้งนายสูเพียง สาและกับ นายอุสมาน เด็งสาแม (ศาลปกครองรับฟ้อง และยกเว้นค่าธรรมเนียมไปเมื่อวันที่ 22 มกราคม2558 คดีหมายเลขดำที่ 156/2557) เพื่อดำเนินกระบวนการพิจารณา และพิพากษาคดีต่อไป

คดีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากศาลปกครองนี้เกิดจากเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2556 เจ้าหน้าที่ตำรวจของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารเข้าปฏิบัติการในพื้นที่บ้านสะแนะ หมู่ที่ 1 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมพื้นที่รอบนอก เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังพลเป็นหลายชุดเข้าตรวจค้น จับกุมบุคคลซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ ระหว่างปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 12/4 ในหมู่บ้านดังกล่าว นายสูเพียง สาและ กับนายอุสมาน เด็งสาแม ได้สมัครใจออกมาแสดงตนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น และควบคุมตัวโดยปราศจากอาวุธหรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ

ซึ่งแต่ละคนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สายพลาสติกมัดมือทั้งสองข้างแล้วนำไปควบคุมรวมกับบุคคลอื่นที่สนามหญ้านอกบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นได้เกิดเหตุยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ต้องสงสัยที่ยังหลบอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ กระทั่งเหตุการณ์สงบลง ผู้ที่ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่เสียชีวิตบนบ้านที่เกิดเหตุ 2 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นายในที่เกิดเหตุหลัง จากนั้นได้เสียชีวิต

แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสูเพียง สาและ กับนายอุสมาน เด็งสาแม ซึ่งถูกพันธนาการ และควบคุมตัวไว้แล้วดังกล่าวกลับเข้าไปในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุอีก โดยนำตัวนายสูเพียง สาและ เข้าไปภายในบ้านที่เกิดเหตุ และนำตัวนายอุสมานเข้าไปในสวนยางพาราหลังบ้าน อ้างว่าจะนำไปชี้ยืนยันตัวผู้ตายภายในบ้านที่เกิดเหตุ และชี้จุดตรวจค้นอาวุธ หลังจากนั้นนายสูเพียง สาและ กับ นายอุสมาน เด็งสาแม ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิตบนบ้านที่เกิดเหตุ และบริเวณสวนยางพารา ตามลำดับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าทั้งสองคนที่ถูกควบคุมตัวเข้าไปนั้นได้ไปนำอาวุธมาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่

จากเหตุการณ์ดังกล่าว นำมาซึ่งความเคลือบแคลงสงสัยของชาวบ้าน และญาติของผู้ตายเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุใดนายสูเพียง สาและ กับนายอุสมาน เด็งสาแม จึงถูกยิงเสียชีวิต ทั้งๆ ที่ถูกพันธนาการ และควบคุมตัวไว้แล้ว และเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำการเกินกว่าเหตุทำให้บุคคลถึงแก่ความตาย กรณีนายสูเพียง สา และถูกยิงเสียชีวิต ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2557 นางสาวซำซียะห์ หะยีมะตะโละ ภรรยา และบุตรผู้เยาว์ 3 คน กับมารดาของนายสูเพียง สาและ เป็นผู้ฟ้องคดีที่ 1 ถึงที่ 5 ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองสงขลา เรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในชีวิตของผู้ตาย

โดยได้เรียกค่าเสียหายทั้งหมดเป็นเงิน 24,127,622.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 22,444,300 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งห้า เป็นคดีหมายเลขดำที่ 155/2557 ทั้งนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าได้ยื่นคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดด้วย (ร้อยละ 2 ของจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง) ศาลได้ไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องฐานะทางเศรษฐกิจของผู้ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2557

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น