กลุ่มติดอาวุธบุกโจมตีบ่อน้ำมัน อัล-มับรูก ในลิเบียซึ่งมีบริษัทโททาล (Total) ของฝรั่งเศสถืออยู่หุ้นบางส่วน และได้สังหารคนงานไปทั้งสิ้น 13 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 5 ราย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเผยเมื่อวานนี้(4)
ฮากีม มาอัซซาบ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงกลั่นน้ำมันอีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆ กันระบุว่า เหตุโจมตีบ่อน้ำมัน อัล-มับรูก ทำให้ “คนงานชาวลิเบียเสียชีวิตไป 8 ราย และยังมีชาวฟิลิปปินส์ 3 ราย และชาวกานาอีก 2 รายที่ถูกสังหาร”
“พวกเขาทั้งหมดถูกปาดคอ ยกเว้นคนงานลิเบียรายหนึ่งที่ถูกยิงตาย”
ก่อนหน้านี้ บริษัทน้ำมันแห่งชาติลิเบีย (NOC) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจระบุว่า ได้มีการอพยพคนงานออกไปจนหมดแล้วก่อนที่บ่อน้ำมัน อัล-มับรูก จะถูกโจมตี
“กลุ่มติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายได้โจมตีแหล่งน้ำมันดังกล่าว ทว่าบุคลากรทุกคนได้รับการอพยพออกมาอย่างทันท่วงที” โมฮาเหม็ด อัล-ฮารารี โฆษกเอ็นโอซี ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
อาลี อัล-ฮัสซี โฆษกหน่วยรักษาความปลอดภัยโรงกลั่นน้ำมันลิเบีย อ้างว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของพวกนักรบที่ภักดีต่อกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
อัล-มับรูก ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศใต้ราว 100 กิโลเมตรจากเมืองเซิร์ต (Sirte) ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอดีตผู้นำเผด็จการลิเบีย พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี
สเตฟาน เลอ ฟอลล์ โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส ออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า ปารีสกำลังตรวจสอบยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีบ่อน้ำมัน อัล-มับรูก ทว่าไม่มี “ชาวต่างชาติ” ตกเป็นเหยื่อ
“เราได้รับแจ้งว่า อัล-มับรูก ถูกกลุ่มติดอาวุธโจมตี” โฆษกหญิงของบริษัทน้ำมันโททัล กล่าว พร้อมระบุว่า ทางบริษัทได้อพยพคนงานออกมาแล้วก่อนหน้านั้น
“โททาลไม่ใช่ผู้บริหารบ่อน้ำมันแห่งนี้ แต่เป็นบริษัท มับรูก ออยล์ ออปเปอเรชัน ที่อยู่ในสังกัดเอ็นโอซี”
นับตั้งแต่รัฐบาลกัดดาฟีถูกโค่นล้มโดยการปฏิวัติประชาชนที่มีนาโตหนุนหลังเมื่อปี 2011 เมืองเซิร์ตก็กลายเป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มหัวรุนแรงหลายพวก รวมไปถึง อันซอร์ อัล-ชารีอะห์ ซึ่งถูกองค์การสหประชาชาติและสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์
บ่อน้ำมัน อัล-มับรูก อยู่ระหว่างปิดดำเนินการในขณะที่ถูกโจมตี เนื่องจากศักยภาพในการส่งออกน้ำมันจากคลังริมชายฝั่งของลิเบียค่อนข้างจำกัด
เครือข่ายกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ที่ยึดกรุงกรุงตริโปลีและเมืองมิสราตา เมืองใหญ่อันดับ 3 ของลิเบีย ได้ปฏิบัติการรุกคืบครั้งใหญ่เมื่อเดือนธันวาคม โดยหวังที่จะยึดคลังน้ำมันมาจากกองกำลังที่ภักดีต่อรัฐบาลซึ่งได้รับการยอมรับจากต่างชาติ
น้ำมันถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติหลักของลิเบีย โดยเคยมีกำลังผลิตสูงถึง 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในยุคกัดดาฟี คิดเป็นมูลค่าการส่งออกร้อยละ 95 และเป็นแหล่งรายได้ให้แก่รัฐบาลตริโปลีได้ถึงร้อยละ 75
กำลังผลิตของลิเบียลดลงเหลือเพียงราวๆ 350,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากเครือข่ายกลุ่มติดอาวุธ ฟัจร์ ลิเบีย ได้บุกโจมตีคลังน้ำมัน
ไอเอสซึ่งยึดครองพื้นที่กว้างขวางในอิรักและซีเรียมีแนวโน้มที่จะขยายอิทธิพลเข้าไปถึงดินแดนลิเบีย โดยได้อ้างความรับผิดชอบเหตุโจมตีโรงแรมหรูใจกลางกรุงตริโปลีเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 9 ราย และเป็นชาวต่างชาติ 5 คน