ทางการอิสราเอลเผยในวันอาทิตย์ (22 ก.พ.) ระบุ เตรียมเดินหน้าจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ “เอฟ-35” จากสหรัฐฯเพิ่มเติมอีก 14 ลำภายใต้วงเงินงบประมาณกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 97,650ล้านบาท) โดยเงินในการบริหารประเทศอิสราเอลส่วนมากมาจากเงินให้เปล่าของสหรัฐ
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กระทรวงกลาโหมอิสราเอลเคยทำการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 จากสหรัฐฯไปแล้ว 19 ลำเมื่อปี 2010 และการตัดสินใจเสริมเขี้ยวเล็บล่าสุด ถือเป็นการตอกย้ำถึงกระแสข่าวที่แพร่สะพัดมาก่อนหน้านี้ว่า ทางการอิสราเอลกำลังเร่งหาทางเสริมสร้างแสนยานุภาพให้กองทัพให้ทันสมัยกว่ากลุ่มประเทศอาหรับ
รายงานข่าวระบุว่า ผู้แทนจากกระทรวงกลาโหมอิสราเอลได้ลงนามในข้อตกลงจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ “เอฟ-35” จากบริษัท “ล็อคฮีด มาร์ติน” ของสหรัฐฯเพิ่มเติมอีก 14 ลำแล้ว พร้อมทั้งมีออพชั่นที่เปิดทางให้อิสราเอลสามารถจัดซื้อเพิ่มเติมได้อีก 17 ลำด้วย “ราคาพิเศษ” ในอนาคต
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในนครเทลอาวีฟเผยว่า ทางการอิสราเอลจะต้องรอจนถึงช่วง “ปลายปี 2016” กว่าที่จะได้รับส่งมอบเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ลำแรกตามข้อตกลงนี้
โครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ระหว่างกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) กับล็อคฮีด มาร์ตินถูกระบุว่าเป็นโครงการพัฒนาอาวุธที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่าโครงการที่พุ่งสูงถึงเกือบ 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13.02 ล้านล้านบาท)
ทั้งนี้อิสราเอลประสบปัญหาทางเศรฐกิจรุนแรงต่อเนื่อง และใช้เงินส่วนมากในการบริหารประเทศจากเงินให้เปล่าที่รัฐบาลสหรัฐจัดงบประมาณมหาศาลมาให้ในแต่ละปี ปีละหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ