ออนอิสลามรายงานว่า วิกฤติตัวประกันญี่ปุ่นที่ดำเนินการโดยกลุ่ม ISIL ได้ส่งผลกระทบให้เกิดการต่อต้านชาวมุสลิมในญี่ปุ่นเกิดมากขึ้น ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อชุมชนมุสลิม, มัสยิด และองค์กรศาสนาในช่วงที่ผ่านมา
รายงานที่เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เผยให้เห็นข้อความที่ถูกส่งมายังมัสยิดในประเทศญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยความรุนแรง และความเกลียดชังเช่น “ตาย”, “ศาสนาของฆาตกร”, “เกลียดแม้แต่ที่จะมอง” หรือแม้แต่ข้อความว่า “ออกไปจากประเทศญี่ปุ่น ถ้ายังไม่อยากตาย”
ตามรายงานของสมาคมมุสลิมญี่ปุ่นที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงโตเกียวระบุว่า มีมัสยิดในประเทศญี่ปุ่น 70 -80 มัสยิด
มีอย่างน้อย 16 มัสยิดที่ได้รับผลกระทบ โดยมี 6 กรณีพบว่ามีการโทรศัพท์ หรือ e-mail ข่มขู่
นอกจากนี้สมาคมมุสลิมญี่ปุ่นยังรายงานอีกว่ามีมัสยิดในเมืองซับโปโร, โตเกียว, นาโกย่า, โยโกฮามา, อินชิโนมิยะ, ไอจิ และนิอิฮามา ได้รับรายงานการถูกโจมตีด้วยเช่นกัน
เหตุรุนแรงกับชาวมุสลิมเกิดขึ้นหลังจากข่าวกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ISIL สังหารตัวประกันชาวญี่ปุ่น Kenji Goto เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้สังหาร Haruna Yukawa ไปแล้ว
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นทำให้รัฐบาลของ Shinzo Abe’s ได้ประกาศใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น
และยังได้จุดประกายกระแสความไม่เป็นมิตรต่อศาสนาอิสลาม และชาวมุสลิม ในสังคมญี่ปุ่นนับตั้งแต่วิดีโอการจับตัวชาวญี่ปุ่นถูกเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มกราคม
ภัยคุกคามที่ทำให้บางมัสยิดจำเป็นต้องติดต่อไปยังสถานีตำรวจท้องถิ่นเพื่อขอคำแนะนำเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย
ในขณะที่ชาวมุสลิมกำลังตกอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว แต่ก็มีชาวญี่ปุ่นบางส่วนที่เห็นใจและเสนอให้ความช่วยเหลือกับชาวมุสลิม
เช่นเหตุที่เกิดกับนักเรียนมุสลิมในเขตเซนไดที่ถูกปฏิเสธจากเจ้าของอพาร์ทเมนท์ในการเข้าพักในระหว่างที่ต้องมาเรียนที่นี่ แต่นักเรียนมุสลิมดังกล่าวก็ได้รับความช่วยเหลือจากชาวญี่ปุ่นให้เข้าพักในอพาร์ทเมนท์อีกแห่งแทน
เจ้าหน้าที่ประจำมัสยิดเซนไดบอกว่า “มีการดูหมิ่นเราน้อยมากที่นี่ เรารู้สึกพอใจที่ได้อยู่ที่นี่”
แม้จะมีการคุกคามที่มากขึ้นต่อชาวมุสลิม รวมไปถึงการโทรศัพท์ไปข่มขู่ที่มัสยิดในเมืองนาโกยา แต่เรายังคงว่า “เราจะได้รับความยุติธรรม”
อิสลามปรากฏครั้งแรกในญี่ปุ่นในราวปี 1920 หลังการปฎิวัติในรัสเซียทำให้ชาวตุรกีกลุ่มหนึ่งไม่กี่ร้อยคนได้หนีเข้ามาอยู่ที่นี่
ต่อมาในปี 1930 มีจำนวนชาวมุสลิมเพิ่มถึงกว่า 1,000 คน ซึ่งมีที่มาที่หลากหลายแตกต่างกัน
ต่อมาในปี 1980 จำนวนชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากกระแสการอพยพเพื่อหางานในญี่ปุ่น โดยมุสลิมจำนวนมากเดินทางมาจาก ปากีสถาน, บังกลาเทศ และอิหร่าน
จนถึงปัจจุบันมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแล้วถึง 120,000 คน จากประชากรชาวญี่ปุ่นทั้งหมด 127 ล้านคน