ลูกขุนสหรัฐฯ สั่งปาเลสไตน์ “ชดเชย $218 ล้าน” ให้สิบครอบครัวยิวอเมริกัน

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ คณะลูกขุนสหรัฐฯ ตัดสินว่า องค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) และองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ (PA) ต้องรับผิดฐานสนับสนุนการตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล เมื่อกว่าหนึ่งทศวรรษที่แล้ว จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน

ทนายฝ่ายโจทก์ระบุว่า คณะลูกขุนในศาลชั้นต้นแมนฮัตตันได้สั่งให้หน่วยงานทั้งสองจ่ายค่าเสียหายแก่ชาวยิวอเมริกัน 10 ครอบครัวที่ยื่นฟ้อง เป็นเงินทั้งสิ้น 218.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.119 พันล้านบาท) โดยโจทก์จะได้รับค่าเสียหายเพิ่มเป็น 655.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากกฎหมายปราบปรามการก่อการร้ายปี 1992 ของสหรัฐฯ กำหนดให้ศาลชั้นต้นสั่งจ่ายค่าเสียแก่โจทก์เพิ่มเป็น 3 เท่า

จำเลยทั้งสองยืนกรานจะอุทธรณ์คำตัดสินของศาล แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าโจทก์จะได้รับเงินค่าเสียหายจากองค์กรทั้งสองหรือไม่ แม้ว่าทนายของพวกเขาต่างให้คำมั่นว่า จะพยายามหาทรัพย์สินซึ่งมีมูลค่าเท่ากับที่ศาลสั่งจ่ายจากปาเลสไตน์ให้ได้

คำตัดสินครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองในรอบไม่ถึงปีที่ลูกขุนสหรัฐฯ ตัดสินว่า จำเลยต้องรับผิดตามกฎหมายปราบปรามการก่อการร้าย ซึ่งเปิดทางให้พลเมืองอเมริกันที่ได้รับความเสียหายจากจากการก่อการร้ายในนานาประเทศสามารถยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ได้

เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว คณะลูกขุนของศาลชั้นต้นในบรูคลินพบว่า ธนาคารอาหรับ มีส่วนต้องรับผิดฐานจัดหาวัสดุอุปกรณ์ให้กลุ่มฮามาส ในขณะที่ศาลนัดวันพิจารณาคดี เพื่อกำหนดตัวเลขค่าเสียหายในปีนี้

คำตัดสินเหล่านี้อาจกกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เหยื่อชาวอเมริกันพยายามฟ้องร้ององค์กรต่างชาติ ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการก่อเหตุโจมตีในต่างแดน ผ่านศาลสหรัฐฯ มากขึ้น

คณะลูกขุนสหรัฐ 12 คนกล่าวหาว่า PLO และองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์มีส่วนต้องรับผิดต่อเหตุกราดยิง และลอบวางระเบิด 6 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2002 ถึง 2004 ที่นครเยรูซาเลม ซึ่งพัวพันถึงกองพลน้อยพลีชีพอัล-อักซอ และขบวนการ “ฮามาส” โดยเหตุโจมตีเหล่านั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 33 คน ซึ่งหลายคนเป็นชาวยิวที่ถือสัญชาติสหรัฐฯ ในขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 450 คน

นิทซานา ดาร์ชัน-ไลท์เนอร์ ทนายฝ่ายโจทก์ระบุว่า “ตอนนี้ PLO และ PA คงตระหนักแล้วว่า ค่าที่พวกเขาต้องชดใช้จากการสนับสนุนการก่อการร้ายนั้นมีราคาเท่าไร”

ในอดีต PLO และองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์เคยถูกฟ้องร้องในคดีคล้ายๆ กันนี้มาแล้ว แต่ครั้งนี้นับเป็นพิจารณาคดืใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่พวกเขาเคยถูกฟ้องมา

ทำเนียบนายกรัฐมนตรี รามี ฮัมดัลเลาะห์ แห่งปาเลสไตน์ ได้ออกคำแถลงว่า จำเลยทั้งสองจะอุทธรณ์คำตัดสิน พร้อมทั้งสำทับว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ “ไร้มูลความจริง”

นอกจากนี้ เขายังอ้างคำตัดสินในเดือนนี้ ที่ คอลลีน คอลลาร์-โคเทลลี ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ในวอชิงตัน ดีซี ชี้ว่า เธอไม่มีอำนาจศาลในทั้งสองคดี

ทางด้าน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ระบุในคำแถลงว่า คำตัดสินครั้งนี้ “พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์มีส่วนต้องรับผิดชอบต่อการก่อการร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนมากมายไปเมื่อหนึ่งทศวรรษก่อน”

ในตอนแรก โจทก์ได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อคิดเพิ่มเป็น 3 เท่า ตามหลักการของกฎหมายปราบปรามการก่อการร้าย

พวกเขากล่าวหาว่า ยัสเซอร์ อาราฟัต อดีตประธานของ PLO ผู้ล่วงลับไปแล้ว ตลอดจนสายลับของเขาเป็นผู้จัดแจงจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ก่อเหตุเป็นประจำ โดยให้เขาดำรงสถานะลูกจ้างที่ได้รับเงินเดือนจากปาเลสไตน์ และจ่ายเงินให้แก่ครอบครัวของผู้ก่อเหตที่เสียชีวิต

ทนายฝ่าย PLO และองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ระบุว่า หน่วยงานทั้งสองได้ประณามการก่อเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น และกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของพวกอันธพาล ซึ่งเป็นลูกจ้างระดับล่างของปาเลสไตน์

ทั้งนี้ ปาเลสไตน์ปรารถนาที่จะก่อตั้งรัฐในฉนวนกาซา เขตเวสต์แบงก์ และเยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งล้วนแต่เป็นดินแดนที่ถูกอิสราเอลแย่งชิงไปนับแต่เกิดสงครามอาหรับ-อิสราเอล เมื่อปี 1967 โดยมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมติที่ 242 กำหนดขึ้นเพื่อให้อิสราเอลถอนตัวออกจากดินแดนที่ยึดครองในปี 1967 แต่จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลไม่ได้ดำเนินการตามมติดังกล่าว และไม่มีการบังคับใช้ในมติดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะที่อิสราเอลเดินหน้าใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ยึดครอง โดยไม่มีการคัดค้าน หรือดำเนินคดีต่ออิสราเอลแต่อย่างใด

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น