เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมุสลิมเรื่อง “แนวทางการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟูและแผนธุรกิจธ.อิสลามแห่งประเทศไทย” ที่สำนักงานใหญ่ โดยนายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการธ.อิสลามแห่งประเทศไทย และ ดร.อณัส อมาตยกุล ประธานที่ปรึกษาด้านชะรีอะฮ์ ธ.อิสลามแห่งประเทศไทย
ตลอดระยะเวลา 11 ปี ของธ.อิสลามฯ ในระยะเวลา 5-6 เดือนที่นายชัยวัฒน์ ดำรงค์ตำแหน่งประธานกรรมการ นี่เป็นครั้งแรกของธ.อิสลามฯ ที่ได้เข้าเยี่ยมคาระวะท่านจุฬาราชมนตรีเพื่อคาระวะและขอคำแนะนำ เป็นครั้งแรก และยังเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยสัญจร , พบปะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดและอีกหลายองค์กรมุสลิม นายชัยวัฒน์กล่าว
นายชัยวัฒน์ชี้แจงต่อว่า ธ.อิสลามฯ มีสาขา 130 สาขาทั่วประเทศ และมี 46 สาขาที่อยู่ในภาคใต้เพื่อบริการให้กับพี่น้องมุสลิมและทุกๆ ศาสนิก แต่พบว่าบางสาขาที่เปิดมานั้น ใช้พื้นที่เยอะมากเกินความจำเป็น ในขณะที่ไม่มีพี่น้องมุสลิมเข้ามาใช้บริการเท่าที่ควรตัวอย่างเช่น สาขาเซ็นทรัลพระราม 9269.75 ตรม. ค่าเช่า 858,329 บาท/เดือน สาขาเซ็นทรัลเวิลดิ์พลาซ่า 196.53 ตรม. ค่าเช่า 697,946 บาท/เดือน เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งในการปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นซึ่งอาจต้องปรับสาขาให้เหมาะสมและเข้าถึงพี่น้องมุสลิมมากยิ่งขึ้น
แนวคิดและทิศทางในการดำเนินการต่อไปจะมุ่งเน้นลูกค้าที่เป็นมุสลิมมากยิ่งขึ้น เช่น การแก้ไขปัญหา NPF การแก้ไขหนี้ Corporate และ SMEs เพิ่มบทบาทในการเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ประกอบการที่เป็นมุสลิม ร่วมงานผลิตภัณฑ์ที่ต้องขอตราฮาลาล และจะมีการตรวจสอบและการฟ้องดำเนินคดีกับหน่วยงานของรัฐ ที่กระทำความเสียหายกับธนาคาร อีกด้วย
นับเป็นครั้งแรกในประวัติการที่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยเริ่มปรับกลยุทธ์เข้าหาลูกค้ามุสลิมอย่างจริงจัง พร้อมที่จะเข้าร่วมส่งเสริมกิจการของพี่น้องมุสลิมมากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมันต่อสังคมมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าคาระวะท่านจุฬาราชมนตรี การเข้าประชุมกับกรรมการกลาง ผู้นำมัสยิดและผู้นำองค์กรมุสลิม การลงพื้นที่ร่วมมือตามแหล่งชุมชนมุสลิม และแม้กระทั่งชี้แจงต่อสื่อมุสลิมก็ตาม น่าจะทำให้ธนาคารแห่งนี้อยู่คู่กับสังคมมุสลิมเพื่อเป็นสมบัติของสังคมมุสลิมไทยได้ต่อไป