อิรักยกทัพที่ประกอบด้วยกองทหารและกองกำลังอาวุธท้องถิ่นรวม 30,000 คน พร้อมกำลังสนับสนุนทางอากาศ บุกเข้าถล่มที่มั่นของพวกนักรบญิฮัดทั้งที่อยู่รอบๆ และภายในเมืองติกริต เมื่อวันจันทร์ (2มี.ค.) ในการปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเพื่อยึดคืนที่มั่นแห่งสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส)
นายทหารอิรักยศพันโทนายหนึ่งเผยว่า กองกำลังความมั่นคงกำลังรุกคืบใน 3 แนวหลักคือเส้นที่มุ่งตรงสู่ติกริต, อัด-ดอร์ทางใต้ และอัล-อาลามทางเหนือ รวมทั้งเคลื่อนไปตามถนนสายต่างๆ เพื่อป้องกันกลุ่มไอเอสหลบหนี
การปฏิบัติการครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นตอนเช้าวันจันทร์ (2) หลังจากนายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อาบาดี ออกมาประกาศเรื่องนี้เมื่อคืนวันอาทิตย์ (1) ทั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการปฏิบัติการใหญ่ที่สุดของแบกแดดในการชิงพื้นที่คืน หลังจากถูกไอเอสบุกตลุยยึดครองติกริตไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้วพร้อมๆ กับเมืองโมซุลและอีกหลายเมืองทางภาคเหนือและภาคตะวันตก
นายทหารอิรักเผยว่า กองกำลังที่เข้าร่วม มีทั้งที่มาจากกองทัพ ตำรวจ หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายกลุ่ม อาสาสมัครในความควบคุมของรัฐบาลที่ใช้ชื่อว่า “หน่วยปลุกระดมประชาชน” รวมทั้งชนเผ่าสุหนี่ท้องถิ่นที่ต่อต้านไอเอส
การโจมตีครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากเครื่องบินขับไล่ เฮลิคอปเตอร์ และปืนใหญ่ ซึ่งถล่มใส่ที่มั่นต่างๆ เพื่อแผ้วถางทางล่วงหน้าให้แก่กองกำลังที่จะรุกเข้าสู่ติกริต อันเป็นบ้านเกิดของอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน รวมทั้งเพื่อตัดเส้นทางลำเลียงของไอเอส
อย่างไรก็ดี ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ปฏิบัติการนี้ได้รับการสนับสนุนทางอากาศจากอิหร่านหรือกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ หรือไม่
ทั้งนี้ กองกำลังอิรักล้มเหลวมาหลายครั้งในการพยายามยึดคืนเมืองติกริต ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสำคัญของไอเอส รวมทั้งเป็นเส้นทางสู่เมืองโมซุล เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ ทว่า ครั้งนี้ ดูเหมือนแบกแดดมีโอกาสมากขึ้น หลังจากกองทัพซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยอเมริกา สามารถชิงไบจี เมืองกลั่นน้ำมันที่อยู่ใกล้เคียงสำเร็จเมื่อเร็วๆ นี้
หากชิงติกริตคืนได้ อิรักก็จะสามารถเดินหน้าขึ้นเหนือเพื่อขับไล่ไอเอสออกจากโมซุล ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่อาวุโสชาวอเมริกันผู้หนึ่งเผยว่า การโจมตีโมซุล เมืองใหญ่ที่สุดที่อยู่ในการยึดครองของไอเอส อาจเริ่มต้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนเมษายน ทว่า เจ้าหน้าที่อิรักปฏิเสธที่จะยืนยันกำหนดเวลาที่แน่นอน
ก่อนปฏิบัติการนี้เริ่มต้นไม่กี่ชั่วโมง อาบาดี นายกรัฐมนตรีที่เป็นชาวชีอะต์ ได้กล่าวเรียกร้องขณะเดินทางไปยังเมืองซามาเราะ เมืองหลักอีกเมืองหนึ่งในจังหวัดซาลาฮุดดินเช่นเดียวกับติกริต ให้กองกำลังทั้งหมดของฝ่ายรัฐบาล ดำเนินการอย่างระมัดระวังที่สุดเพื่อปกป้องความปลอดภัยของพลเมือง
ขณะเดียวกัน ฮาดิ อัล-อเมรี ผู้บัญชาการหน่วยปลุกระดมประชาชน และเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับไอเอส ก็ขอให้ชาวเมืองติกริตอพยพออกจากที่พักภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อให้กองกำลังของรัฐบาลสามารถ “ล้างแค้นสปีเชอร์”
ทั้งนี้ สปีเชอร์คือฐานทัพใกล้เมืองติกริตที่ทหารเกณฑ์ใหม่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวชีอะต์ ถูกลักพาตัวและประหารชีวิต ไม่กี่วันก่อนที่ไอเอสจะบุกยึดพื้นที่กว้างขวางในดินแดนของชาวอาหรับนิกายสุหนี่ทางเหนือและตะวันตกของแบกแดดเมื่อกลางปีที่แล้ว
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักรบชีอะต์ประกาศว่าจะต้องล้างแค้น จนกระตุ้นความหวาดกลัวว่า อาจมีการสังหารหมู่ชาวสุหนี่หลังจากที่อิรักยึดติกริตคืนได้แล้ว เนื่องจากชนเผ่าบางเผ่าของสุหนี่ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนร่วมโดยตรงในการประหัตประหารที่สปีเชอร์
นอกจากนี้อาบาดียังเรียกร้องให้นักรบชนเผ่าสุหนี่ยุติการสนับสนุนไอเอส โดยเสนอ “โอกาสสุดท้าย” และให้สัญญานิรโทษกรรม ไม่เช่นนั้นจะมีการลงโทษอย่างสาสมฐานที่ไปร่วมมือกับกลุ่มก่อการร้าย
คำประกาศนี้ดูเหมือนพุ่งเป้าไปที่อดีตสมาชิกพรรคบาธที่ภักดีต่อซัดดัม ซึ่งได้เข้าร่วมกับไอเอสเมื่อกลุ่มก่อการร้ายนี้บุกเข้าเมือง รวมถึงนักรบสุหนี่ที่ไม่พอใจรัฐบาลในแบกแดดที่นำโดยผู้นำนิกายชีอะต์
อิรักนั้นแตกแยกรุนแรงระหว่างชนกลุ่มน้อยชาวสุหนี่ที่เป็นฐานสนับสนุนสำคัญของซัดดัม กับชนกลุ่มใหญ่ซึ่งเป็นชาวชีอะต์ ดังนั้น การร่วมมือระหว่างนักรบสองนิกายในปฏิบัติการครั้งนี้จึงถือเป็นพัฒนาการสำคัญในการต่อสู้กับไอเอส แม้กองกำลังชีอะต์ในดินแดนสุหนี่อาจถูกโต้ตอบกลับอย่างรุนแรงในอนาคตก็ตาม