หัวหน้าตำรวจเมืองเฟอร์กูสันในรัฐมิสซูรีลาออกจากตำแหน่งแล้วเมื่อวานนี้ (11) ภายหลังมีรายงานจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ออกมาว่า พบการใช้อำนาจโดยมีอคติทางเชื้อชาติอย่างแพร่หลายในสำนักงานตำรวจเมืองนี้และศาลท้องถิ่น
การลาออกของหัวหน้าตำรวจ โทมัส แจ็คสัน คือการยื่นซองขาวหนล่าสุดของบรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง นับตั้งแต่ที่กระทรวงยุติธรรม ออกมาระบุในวันที่ 4 มีนาคมว่า การสืบสวนนาน 4 เดือนได้เผยให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญมากมายในย่านชานเมืองเซนต์หลุยส์แห่งนี้
กลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้ แจ็คสัน ลาออก นับตั้งแต่เหตุตำรวจเฟอร์กูสันผิวขาวยิงวัยรุ่นผิวสีไร้อาวุธเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมปีที่แล้ว เหตุการณ์สังหารดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดการประท้วงขึ้นทั่วประเทศและทำให้เกิดกระบวนการตรวจสอบการใช้กำลังจนถึงชีวิตของตำรวจอย่างละเอียด โดยเฉพาะต่อคนผิวดำ
คณะลูกขุนเต็มคณะและการสืบสวนของรัฐบาลกลางต่างไม่ได้ตั้งข้อหากับ ดาเรน วิลสัน เจ้าหน้าที่ผิวขาวซึ่งสังหาร ไมเคิล บราวน์ เหยื่อผิวสีวัย 18 ปี
การสืบสวนอีกชุดหนึ่งของกระทรวงยุติธรรมพบว่า ตำรวจเฟอร์กูสันมักพุ่งเป้าจับกุมและออกใบสั่งคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันอยู่เป็นประจำ
เจมส์ โนวเลส นายกเทศมนตรีเมืองเฟอร์กูสัน กล่าวว่า เมืองนี้มีเจตนารมณ์ที่จะคงไว้ซึ่งสำนักงานตำรวจของเมืองต่อไป แม้ว่ารายงานของกระทรวงยุติธรรมจะระบุว่ามันอาจจำเป็นต้องถูกรื้อออกก็ตาม
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ จอห์น ชอว์ เทศมนตรีเมืองเฟอร์กูสันและ โรนัลด์ บร็อคเมเยอร์ ผู้พิพากษาท้องถิ่นได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่อีก 3 คนของสำนักงานตำรวจแห่งนี้และศาลท้องถิ่นลาออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงยุติธรรม ระบุในถ้อยแถลงเมื่อคืนวานนี้ (11) ว่า ผลจากการสืบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเฟอร์กูสัน “ยังคงเป็นความกังวลและเรื่องสำคัญสูงสุดอยู่”
ทางกระทรวง ระบุว่า ฝ่ายสิทธิพลเมืองจะ “ยังคงทำงานร่วมกับหัวหน้าตำรวจเมืองเฟอร์กูสันและนายกเทศมนตรีต่อไป โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้ใดจะอยู่ในตำแหน่งนั้น เพื่อบรรลุข้อตกลงที่สามารถบังคับใช้ได้โดยศาล ซึ่งจะจัดการกับการปฏิบัติหน้าที่ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างครอบคลุม”
ผิวสีไหนก็คนเหมือนกันป่ะ