ตูนิเซียไล่ออกผู้บัญชาการตำรวจ 6 นาย เซ่นฆ่าหมู่นักท่องเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์

ฮาบิบ เอสซิด นายกรัฐมนตรีของตูนิเซีย สั่งปลดตำรวจระดับผู้บัญชาการ 6 นายรวดในวันจันทร์(23มี.ค.) ในนั้นรวมถึงหัวหน้ากองกำลังรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ตามหลังเหตุนักรบโจมตีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ฆ่าชาวต่างชาติ 20 ศพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่าในตำรวจ 6 นายดังกล่าว ยังรวมไปยังหัวหน้ากองพันข่าวกรอง ผู้บัญชาการตำรวจเขตตูนิส ผู้บัญชาการตำรวจจราจร หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของพิพธิภัณฑ์บาร์โด และผู้บัญชาการตำรวจเขตซิดี บาชีร์ ในเมืองหลวง “นายกรัฐมนตรีฮาบิน เอสซิด ลงพื้นที่พิพิธภัณฑ์บาร์โดเมื่อวานนี้ และหมายเอาไว้ว่า มีความล้มเหลวด้านความปลอดภัยหลายอย่างที่นั่น”

พวกนักรบลงมือสังหารหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 คน ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น โปแลนด์ อิตาลีและสเปนเมื่อวันพุธที่แล้ว(18มี.ค.) ขณะที่พวกเขาเพิ่งลงจากรถบัส เพื่อเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาร์โด ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตอาคารรัฐสภาที่มีการรักษาการณ์อย่างแน่นหนา

เหตุการณ์นี้ถือเป็นการโจมตีชาวต่างชาติครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษของตูนิเซีย และมันถือเป็นการทดสอบประชาธิปไตยวัยหนุ่มของชาติแอฟริกาเหนือแห่งนี้ 4 ปีหลังจากเหตุลุกฮือโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการนายซีเน เอล อาบีดิน เบน อาลี และเปิดทางให้มีการเลือกตั้งอย่างเสรี

สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีตำรวจนายหนึ่งซึ่งประจำการอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ถูกควบคุมตัวฐานละเลยหน้าที่ระหว่างเหตุโจมตี แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยืนยันถึงการจับกุมดังกล่าว

เหล่าแขกผู้ทรงเกียรติจากต่างชาติได้รับเชิญให้ไปยังกรุงตูนิสในวันอาทิตย์นี้ เข้าร่วมเดินขบวนต่อต้านก่อการร้ายในแบบกับเมื่อครั้งที่ฝรั่งเศสเชิญพวกผู้นำโลกไปยังกรุงปารีส หลังจากเกิดเหตุพวกอิสลามิสต์โจมตีนิตยสารชาร์ลี เอ็บโดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา

มือปืน 2 คนถูกวิสามัญฆาตกรรม ณ จุดเกิดเหตุและเจ้าหน้าที่เผยว่าพวกเขากำลังตามหาผู้ต้องสงสัยรายที่ 3 โดยจนถึงตอนนี้ได้ควบคุมตัวประชาชนไว้มากกว่า 20 ราย ซึ่ง 10 ในนั้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุโจมตี ขณะที่บางส่วนเพิ่งเดินทางกลับจากไปสู้รบเคียงข้างกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ในซีเรีย อิรักและลิเบีย

นักรบรัฐอิสลาม(ไอเอส) ที่กำลังสู้รบในอิรักและซีเรีย ออกมาอ้างว่าผู้สนับสนุนของพวกเขาเป็นผู้ปฏิบัติการโจมตี แม้ว่ากลุ่ม Okba Ibn Nafaa เครือข่ายท้องถิ่นของอัลกออิดะห์ ได้ออกมาเผยแพร่รายละเอียดและแสดงความเห็นต่อเหตุจู่โจมครั้งนี้เช่นกัน

เหตุโจมตีต่อเป้าหมายที่มีชื่อเสียงครั้งนี้ ได้ก่อความเสียหายแก่ประเทศเล็กๆในแอฟริกาเหนือแห่งนี้ที่ต้องพึ่งพึงการท่องเที่ยวจากยุโรปเป็นอย่างมาก หลังจากที่ผ่านมา ตูนิเซีย รอดพ้นจากเหตุความรุนแรงเลวร้ายจากฝีมือของพวกนักรบมาโดยตลอด นับตั้งแต่เกิดการลุกฮือของประชาชนโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีซีเน เอล อาบิดีน เบน อาลี เมื่อปี 2011

การลุกฮือของตูนิเซียได้แรงบันดาลใจจากการปฏิวัติ “อาหรับ สปริง” ในเหล่าชาติเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นลิเบีย อียิปต์ ซีเรียและเยเมน แต่ด้วยที่พวกเขารับเอารัฐธรรมนูญใหม่และจัดการเลือกตั้งอย่างสันติที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง สถานการณ์ในประเทศจึงมั่นคงต่างจากประเทศอื่นๆที่ดำดิ่งสู่ความยุ่งเหยิง

อย่างไรก็ตามหลังจากอดีตประธานาธิบดีซีเน เอล อาบิดีน ถูกโค่นอำนาจ พวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงหลายกลุ่มได้ปรากฎตัวขึ้น และนับตั้งแต่นั้นกองกำลังความมั่นคงก็ต้องตกอยู่ท่ามกลางการสุ้รบที่สาหัสมากขึ้นเรื่อยๆกับกลุ่มนักรบ ที่บางส่วนกลับจากไปฝึกฝนหรือทำศึกสงครามในต่างแดน

เจ้าหน้าที่บอกว่ามือปืน 2 คนของเหตุโจมตีพิพิธภัณฑ์บาร์โด ผ่านการฝึกที่ค่ายกลุ่มหัวรุนแรงในลิเบีย โดยพวกเขาเดินทางออกจากตูนิเซียเข้าไปลิเบียอย่างผิดกฎหมายในเดือนธันวาคมที่แล้วและไปฝึกการใช้อาวุธที่นั่น พร้อมยอมรับว่ามีชาวตูนิเซียกว่า 3,000คนเข้าไปในอิรัก ซีเรียและลิเบีย เพื่อต่อสู้ร่วมกับนักรบญิฮัด ซึ่งก่อความหวาดผวาว่าพวกหัวรุนแรงเหล่านี้จะเดินทางกลับมาพร้อมกับแผนก่อการร้ายในประเทศ

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น