แถลงการณ์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) เมื่อวันอังคาร(24) ระบุว่า เมียนมาร์ซึ่งดำเนินการปฏิรูปจนเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจและการเมือง หลังการปกครองนานครึ่งศตวรรษของกองทัพสิ้นสุดลงในปี 2554 คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะเติบโต จากร้อยละ 7.7 ในช่วง 12 เดือน นับถึงเดือน มี.ค. ปีนี้ เป็นร้อยละ 8.3 ในปีงบประมาณ 2558 และตัวเลขจะยังคงใกล้เคียงกันในปี 2559
เมียนมาร์กำลังเตรียมการเพื่อการเลือกตั้งทั่วไปครั้งสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในเดือน พฤศจิกายน ปีนี้ ซึ่งคาดว่าพรรคฝ่ายค้านนำโดยนางออง ซาน ซูจี จะกวาดชัยชนะ เหนือรัฐบาลกึ่งพลเรือนชุดปัจจุบัน ซึ่ง นายปีเตอร์ บริมเบิล ผู้เชี่ยวชาญของเอดีบี ประจำเมียนมาร์ ได้กล่าวเรียกร้องต่อรัฐบาลเมียนมาร์ ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ให้เร่งเดินหน้าการปฏิรูปก่อนถึงการเลือกตั้ง เพราะหากเกิดอะไรบางอย่าง ที่จะนำไปสู่ความไม่มั่นคงและความไม่แน่นอนในตลาด แน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ
เอดีบี ยังเตือนอีกว่า เมียนมาร์มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากร้อยละ 4.3 ของ จีดีพี ในปีงบประมาณถึงเดือน มี.ค. สู่ระดับประเมินร้อยละ 6.3 ในปีการเงิน 2558 จากปัจจัยที่คาดว่ารัฐบาลจะใช้จ่ายเงินงบประมาณเป้นจำนวนมาก ก่อนถึงการเลือกตั้ง
รายงานของ เอดีบี ระบุอีกว่า การจดทะเบียนธุรกิจในเมียนมาร์ ในรอบ 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2557 – 2558 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นทางด้านธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ตัวเลขการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือ เอฟดีไอ พุ่งกระฉูดสู่ระดับ 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างเดือน เม.ย. – ธ.ค. ปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับ 4,000 ล้านดอลลาร์ของทั้งปี 2556 โดย 1 ใน 3 เป็นการลงทุนด้านการสื่อสารโทรคมนาคม นอกจากนั้นยังมีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเปิดใหม่ทุกสัปดาห์ เนื่องจากธุรกิจโรงงานผลิตได้ประโยชน์จากการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น