ซาอุดีอาระเบีย นำทัพ 10 ชาติมุสลิม “ซาอุฯ, บะห์เรน, คูเวต, กาตาร์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อียิปต์, ปากีสถาน, อิยิปต์, โมร็อกโก และซูดาน” มีความประสงค์เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรทางทหาร ที่มีกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับเป็นหัวหอกนำการปราบปราบกบฏชีอะห์หัวรุนแรงฮูธีย์ ซึ่งยึดดินแดนเกือบทั้งหมดของเยเมน
กลุ่มประเทศมุสลิมเหล่านี้ “ได้แสดงความประสงค์ที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการปราบปราบ” กลุ่มกบฏชีอะห์หัวรุนแรงครั้งนี้ ซึ่งซาอุดีอาระเบียขนานนามว่าเป็นปฏิบัติการ “พายุแกร่ง” (Firmness Storm)
ซาอุดีอาระเบียและชาติอาหรับอีก 4 ชาติ ได้ประกาศว่าจะ “ตอบรับต่อคำร้องขอของประธานาธิบดี ฮาดี ที่จะให้ช่วยปกป้องเยเมนและประชาชนของเขาจากการคุกคามของกลุ่มติดอาวุธชีอะห์หัวรุนแรงฮูธีย์”
เอกอัครราชทูตของซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐฯ ประกาศจากกรุงวอชิงตันดี.ซี.ว่า กลุ่มพันธมิตร 10 ประเทศ รวมถึงราชอาณาจักรอาหรับ 5 แห่ง ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อปกป้องรัฐบาลเยเมนแล้ว
อาเดล อัล-ญูเบร์ เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐฯ ระบุว่า ชาติพันธมิตรในอ่าวอาหรับและอื่นๆ ได้เข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารกับกองทัพซาอุดีอาระเบีย เพื่อ “ปกป้อง และป้องกันรัฐบาลที่มีความชอบธรรม” ของประธานาธิบดี อับดุ-รับบู มันซูร์ ฮาดี
การตัดสินใจเช่นนี้เท่ากับว่า ซาอุฯ ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มชาติมุสลิมได้ถูกดึงเข้าไปในสถานการณ์เยเมนอย่างเต็มตัว และพัฒนาไปเป็น “สงครามตัวแทน” กับอิหร่านซึ่งอยู่เบื้องหลังปฎิบัติการคุกคามชาติอาหรับของกลุ่มกบฎชีอะห์หัวรุนแรงฮูธีย์
“เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องรัฐบาลที่ชอบธรรมของเยเมนไม่ให้ถูกโค่นล้มได้” ญูเบร์ กล่าว
สหรัฐฯ ระบุว่า จะให้การสนับสนุนด้านกำลังบำรุงและข่าวกรอง” ในปฏิบัติการนี้
สำนักข่าวอัล-อารบิยะห์ ของซาอุดีอาระเบีย รายงานว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ส่งเครื่องบินรบ 30 ลำไปยังซาอุดีอาระเบียเพื่อเข้าร่วมการโจมตีทางอากาศแล้ว ขณะที่จอร์แดนจะนำเครื่องบินเข้าร่วม 6 ลำ
อัล-อารบิยะห์ ระบุด้วยว่า อียิปต์และปากีสถานจะส่งเครื่องบินรบและเรือรบเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้
ประธานาธิบดี อับดุ-รับบู มันซูร์ ฮาดี ของเยเมน เรียกร้องให้ชาติอาหรับเข้าแทรกแซงทางทหาร ขณะที่กองกำลังของกลุ่มกบฎชีอะห์หัวรุนแรงฮูธีย์ที่มีกองกำลังทางอากาศไม่ทราบฝ่ายให้การสนับสนุนได้เคลื่อนเข้าใกล้เมืองเอเดนทางตอนใต้ ท่ามกลางการประท้วงของประชาชน และถูกกลุ่มกบฎใช้กำลังปราบปรามอย่างรุนแรง
เยเมนตกอยู่ในวงเวียนความวุ่นวายโกลาหลที่นับวันยิ่งรุนแรงขึ้น นับตั้งแต่ที่กลุ่มกบฎชีอะห์หัวรุนแรงฮูธีย์ยกกำลังเข้ายึดครองกรุงซานา โดยมีสหประชาชาติคอยเป็นตัวกลางเจรจาไม่ให้มีการตอบโต้กลับของฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายนักรบมุสลิม ทำให้ฝ่ายกบฎชีอะห์ฮูธีย์ยึกครองกรุงซานามาตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว