เผยผลซักถาม พนักงานขับรถ อบต.ละแอ เหตุคาร์บอม์เซ็นทรัลฯ สมุย ชี้ไม่ใช้การปล้น แต่จัดฉากเพื่อให้คนขับพ้นผิด เชื่อเชื่อมโยงระเบิดโรงพักหาดใหญ่ และโรงแรม ลีการ์เดนส์ ด้านหน่วยข่าวกรองเผย 3 ผู้ต้องสงสัยมีความเชื่อมโยงอดีตนักการเมืองขั้วอำนาจเก่าในพื้นที่ จชต. พร้อมส่งสายหาข่าวบีอาร์เอ็นเพิ่มเติม
ASTV รายงานวันนี้ (14 เม.ย.) ว่า พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการสืบสวนข้อเท็จจริงในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 4 ในส่วนที่เกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายที่ทำหน้าที่ในการปล้นชิงรถยนต์จากพนักงานขับรถของ อบต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งเป็นรถยนต์คันที่ใช้ในการประกอบเป็น “คาร์บอมบ์” ที่ลานจอดรถห้างเซ็นทรัลเกาะสมุยว่า
ได้รับรายงานจากชุดซักถามของกรมทหารพรานที่ 41 เกี่ยวกับการซักถาม นายอับดุลรอซะ ดูมิแด พนักงานขับรถ อบต.ละแอ ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จนทราบแล้วว่า คนร้ายบางส่วนที่ทำการปล้นชิงรถไปทำ “คาร์บอมบ์” เป็นใคร และกลุ่มไหน โดยพบว่าไม่ใช่เป็นการปล้น แต่เป็นการ “จัดฉาก” เพื่อกันคนขับรถให้พ้นความผิด ทำให้สามารถที่จะต่อจิ๊กซอว์ของกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ เพื่อหาการเชื่อมโยงกับกลุ่มที่อยู่ที่เกาะสมุย เพราะมีความเกี่ยวพันที่เป็นเครือข่าย มีการวางแผนล่วงหน้าอย่างดีก่อนที่จะมีการปฏิบัติการ เช่นเดียวกับการทำ “คาร์บอมบ์” ที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า หาดใหญ่ ที่โรงแรมเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ที่ข้างโรงแรมสาธิตที่ อ.สะเดา และการทำ จยย.บอมบ์ที่โรงพักหาดใหญ่ ซึ่งลักษณะการปฏิบัติการแบบเดียวกัน
ในส่วนการสอบสวน รปภ. 3 ของห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล ซึ่งเป็นคนจาก 3 จังหวัด ที่เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ควบคุมตัวเพื่อขยายผลถึงการเกี่ยวข้องต่อการวางระเบิดหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยให้ทราบว่า คนทั้ง 3 ได้ให้การที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี รวมถึงการเชื่อมโยงของกลุ่มแนวร่วมใน 3 จังหวัด แต่ยังไม่สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มที่เข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงควบคุมตัวเอาไว้โดยอำนาจ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อสอบถามรายละเอียดต่อไป
สำหรับความคืบหน้าในการสอบสอบสาเหตุของการทำ “คาร์บอมบ์” ในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากชุดสืบสวนของ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ว่า ขณะนี้ประเด็นการก่อเหตุแคบเข้าแล้ว โดยมีการตัดประเด็นการก่อเหตุจากความขัดแย้งของกลุ่มอิทธิพลในเกาะสมุย และความขัดแย้งในการไล่ รปภ.ออกจากงาน ให้เหลือเพียงเรื่องการว่าจ้างจากผู้ที่ต้องการก่อกวนเพื่อนสร้างความปั่นป่วนให้แก่บ้านเมือง และเรื่องการปฏิบัติการก่อการร้ายของขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดนภาคใต้
ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า ได้มีคำสั่งให้หน่วยข่าวความมั่นคงของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ ตำรวจสันติบาล รวมทั้งชุดประสานงานชายแดนหาข่าวความเชื่อมโยงจากแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น และพูโล ทั้งใน 3 จังหวัดภาคใต้ และในประเทศมาเลเซีย โดยมีการส่งนายทหารที่เกาะติดความเคลื่อนไหวของแกนนำของบีอาร์เอ็น และพูโล ไปพบกับนายตำรวจระดับ พ.ต.อ.ผู้หนึ่ง ที่อยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเคยเป็นผู้ที่มีบทบาทต่ออำนาจเก่า ในการประสานงานให้แกนนำบีอาร์เอ็น และพูโล ได้พบกับผู้นำอำนาจเก่า ก่อนที่บีอาร์เอ็น จะมีการพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาลเพื่อไทย เมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับ พ.ต.อ.ผู้นี้ เป็นผู้ที่ประสานงานอยู่กับชมรมต้มยำกุ้ง ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทกับกลุ่มอำนาจเก่า เพื่อหาข้อมูลของการจ้างวาน แนวร่วมในพื้นที่ 4 จังหวัดก่อเหตุ
ในขณะที่หน่วยข่าวกรองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ทำการตรวจสอบรายชื่อของกลุ่มแกนนำที่ถูกระบุว่า เป็นผู้วางแผนในการระเบิดห้างเซ็นทรัลในครั้งนี้ เช่น นายอูไบดีละ รอมลี นายอาบัส เจะอาลี นายปอเซ็ง เจ๊ะมะ นายรุสลัน ใบหมะ ว่ามีความใกล้ชิดกับกลุ่มการเมืองอำนาจเก่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดหรือไม่ ซึ่งขณะนี้หน่วยข่าวกรองได้โฟกัสไปที่อดีตนักการเมืองใน จ.นราธิวาส และยะลา จำนวน 3 คน ที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบีอาร์เอ็น กลุ่มนี้ที่มีศักยภาพในการใช้ หรือจ้างวานให้ก่อเหตุได้
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากอดีตนักการเมืองที่เคยอยู่กับฝ่ายอำนาจเก่ารายหนึ่ง ใน จ.ปัตตานี ซึ่งไม่ขอเอ่ยชื่อได้กล่าวว่า การที่ตัวแทนของรัฐบาลพยายามที่จะให้ข่าวว่าคาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้นมาจากฝีมือของกลุ่มอำนาจเก่า ย่อมหมายถึงคนของพรรคเพื่อไทย และพื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ภาคใต้ ดังนั้น คงหมายถึงคนของอำนาจเก่าใน 3 จังหวัด จึงอยากจะฝากว่าก่อนที่จะมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนขออย่าได้ทำการป้ายสี หรือทำให้สังคมเข้าใจผิด เพราะขณะนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานอะไรแม้แต่อย่างเดียวว่าเป็นการกระทำของคนในกลุ่มอำนาจเก่า และที่น่าสังเกตคือ หลังเกิดระเบิดเพียงวันเดียวก็มีการให้ข่าวว่า เป็นการกระทำของอำนาจเก่า ทั้งที่ยังไม่มีการสืบสวนสอบสวนด้วยซ้ำ ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถ้าเป็นเรื่องป้ายสี อาจจะกลายเป็นเงื่อนไขของความรุนแรงในพื้นที่มากขึ้นก็ได้
แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวบางหน่วยในพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ระเบิดที่เกาะสมุยไม่ใช่เป็นการจ้างวาน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจเก่า หรือเป็นความขัดแย้งอื่นๆ แต่เป็นการปฏิบัติการของแนวร่วมบีอาร์เอ็นที่ต้องการขยายพื้นที่การก่อการร้ายในเมืองเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว เพื่อต่อรองกับรัฐบาลในการพูดคุยสันติสุข ที่บีอาร์เอ็นเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้แข็งกร้าว ไม่ยอมรับข้อเสนอของบีอาร์เอ็น การขยายพื้นที่ก่อเหตุครั้งนี้เพื่อยืนยันให้รัฐบาลเห็นว่า บีอาร์เอ็นมีศักยภาพในการก่อการร้าย เพื่อสร้างความเสียหายเป็นการต่อรองเพื่อความได้เปรียบของการเจรจา โดยแกนนำบีอาร์เอ็นในพื้นที่ไม่ได้ปฏิเสธว่า การกระทำครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของบีอาร์เอ็น
ในขณะที่หน่วยข่าวกรองในพื้นที่ได้รายงานให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าทราบว่า ได้รับรายงานข่าวจากสายข่าวว่า แกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น ได้สั่งการให้แนวร่วมในพื้นที่ปฏิบัติการต่อเนื่องโดยเพิ่มความรุนแรงต่อเป้าหมายเจ้าหน้าที่ และประชาชนที่เป็นไทยพุทธ เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้น เป็นการประสานกับเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.เกาะสมุย ซึ่งหน่วยข่าวตรวจพบความเคลื่อนไหวของแนวร่วม ใน 4 จังหวัด ซึ่ง พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้สั่งการให้ ฉก.ทุกแห่งป้องกันเหตุอย่างเต็มที่