องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมาว่า ญะมาล บีโนมาร์ ทูตสันติภาพของยูเอ็นประจำเยเมนได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังจากที่ภารกิจของเขาในประเทศที่เกิดสงครามจากการคุกคามของกบฎที่มาจากชนกลุ่มน้อยชีอะห์ฮูธีย์ ร่วมมือกับกลุ่มทรราชอำนาจเก่า เพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการสนับสนุนของประชาชน
ทูตชาวโมร็อกโกผู้นี้เป็นทูตพิเศษประจำเยเมนของ บัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็นมาตั้งแต่ปี 2012 ถ้อยแถลงจากยูเอ็นระบุว่า บีโนมาร์ “ได้แสดงความสนใจที่จะย้ายไปรับภาระหน้าที่อื่น” และเสริมว่า “ผู้สืบทอดตำแหน่งจะถูกแต่งตั้งเมื่อถึงกำหนด”
เจ้าหน้าที่ยูเอ็นคนหนึ่งได้ยืนยันก่อนหน้านี้กับเอเอฟพีว่า บีโนมาร์ ลาออกจากตำแหน่งแล้ว
หนึ่งในตัวเก็งที่อาจเข้ามารับช่วงตำแหน่งนี้แทนเขาคือ อิสมาอิล อูล์ด ชีค อะห์หมัด ทูตชาวมอริตาเนีย ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำภารกิจอีโบลาของยูเอ็นในกรุงอักกรา เจ้าหน้าที่รายดังกล่าว ระบุ โดยไม่ขอเผยนาม
การลาออกของ บีโนมาร์ มีขึ้นหลังจากคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นรับรองมติเรียกร้องให้มีการตั้งโต๊ะเจรจาสันติภาพโดยเร็วและให้ยุติความรุนแรงในเยเมน
การสู้รบขยายวงมากขึ้นในประเทศอาหรับที่ยากจนแห่งนี้ หลังจากกลุ่มกบฏชีอะห์ฮูธีย์ที่จับมือกับกองกำลังติดอาวุธของอดีตประธานาธิบดีอับดุลลอฮฺ ซอและห์ผู้นำทรราชที่ถูกประชาชนเดินขบวนขับไล่ ได้บุกยึดครองพื้นที่เกือบทั้งหมดของเยเมนจนกลุ่มพันธมิตรมุสลิมที่นำโดยซาอุดิอาระเบียต้องใช้กำลังทางอากาศเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามเมื่อวันที่26 มีนาคม
บรรดาประเทศอ่าวอาระเบียกล่าวหาว่า บีโนมาร์ ถูกหลอกโดยพวกกบฏฮูตี ซึ่งจัดการเจรจาสันติภาพขึ้นมาในขณะที่กบฏกลุ่มนี้ยังผลักดันการโจมตีของพวกเขาเพื่อช่วงชิงดินแดนเพิ่มเติมต่อไป
บัน “ชื่นชมอย่างยิ่งต่อความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยที่คุณบีโนมาร์ได้กระทำตลอดช่วงเวลาหลายปีเพื่อส่งเสริมความเห็นพ้องต้องกันและความไว้เนื้อเชื่อใจบนเส้นทางสู่สันติภาพในเยเมน” ถ้อยแถลงของยูเอ็น ระบุ
ประธานาธิบดี อาเบดรับบู มันซูร์ ฮาดี แห่งเยเมนซึ่งยูเอ็นให้การยอมรับได้หลบหนีไปยังซาอุดีอาระเบียเมื่อกลุ่มกบฏชีอะห์ฮูธีย์รุกคืบสู่เมืองเอเดน เมืองท่าสำคัญสุดท้ายของเยเมนที่ยังไม่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏชีอะห์ฮูธีย์
ซาอุดีอาระเบียก และชาติพันธิมิตรระบุตรงกันว่าอิหร่านว่าติดอาวุธให้กับกลุ่มฮูธีย์
มติซึ่งได้รับการับรองเมื่อวันอังคาร (14) เรียกร้องให้กลุ่มฮูตีถอนกำลังจากกรุงซานาและพื้นที่อื่นๆ ทั้งหมดที่พวกเขายึดมาได้
การต่อสู้ที่ขยายวงอย่างรวดเร็วเมื่อไม่นานมานี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 700 รายและทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 2,700 คน ส่วนมากเสียชีวิตจากการคุกคามของกลุ่มฮูธีย์