วันนี้(23) สหภาพยุโรปจะจัดการประชุมฉุกเฉินหารือการแก้ปัญหาคลื่นผู้อพยพเข้าเมืองล่องเรือจากแอฟริกาข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมายังยุโรป หลังเกิดเหตุโศกนาฎกรรมเรือลักลอบขนคนจากลิเบียล่ม และมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 800 คนในวันอาทิตย์(19)
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(23)ว่า ร่างมาตรการที่คาดว่าจะนำเข้าสู่การประชุมอียูในวันนี้(23)จะรวมไปถึงการใช้กำลังทหารทำลายเรือที่ขบวนการลักลอบค้ามนุษย์ใช้
โศกนาฎกรรมเรือลักลอบขนคนจากลิเบียล่ม และมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 800 คนในวันอาทิตย์(19)ที่ทำให้ทางอียูต้องเปิดประชุมฉุกเฉินหารือทำให้ตัวเลขผู้อพยพเสียชีวิตในการข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพิ่มเป็น 1,750 คนในปีนี้
ในขณะที่นายกรัฐมนตรีอิตาลี มัตเตโอ เรนซี ได้เรียกร้องให้มีมาตรการที่เฉียบขาดจัดการขบวนการเหล่านี้ โดยประณามว่า “พวกลักลอบขนคนเข้าเมืองเป็นพวกค้ามนุษย์ในศตวรรษที่ 21”
ทั้งนี้ร่างมาตรการแก้ปัญหาคลื่นผู้อพยพนี้ บรรดาผู้นำชาติสมาชิกยุโรปต่างจะให้สัตยาบันที่จะร่วมกำจัดขบวนการค้ามนุษย์อย่างเป็นระบบทั้ง ระบุ เข้ายึดและทำลายก่อนที่เรือเหล่านี้จะถูกนำไปใช้เพื่อขนผู้อพยพ
นอกจากนี้บีบีซียังรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประชุมวันนี้(22)ที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม คาดว่าจะมีการสนับสนุนองค์การสหภาพในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพขึ้นในลิเบีย และตอกย้ำกับสถิติที่ทางอิตาลีกล่าวว่ากว่า 90% ของผู้อพยพนั้นมาจากลิเบีย
และในการหารือวันนี้(23) ผู้นำชาติสมาชิกอียูจะหาทางออกว่า จะทำอย่างไรกับผู้อพยพที่สามารถเดินทางมาถึงยุโรปได้อย่างปลอดภัย ซึ่งมีแนวคิดว่าจะกระจายผู้อพยพนี้ไปตามชาติสมาชิกต่างๆอย่างเท่าเทียมนั้นเป็นประเด็นร้อนที่ยังมีการถกเถียงมาก
ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์(20)ในการประชุมอียู ที่ประชุมได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ 10 ขั้นเพื่อป้องกันการเสียชีวิตของผูลี้ภัยที่เดินทางมายังยุโรป รวมไปถึงอัดฉีดเม็ดเงินให้กับหน่วยงานควบคุมพรมแดนยุโรป Frontex ที่มีสำนักงานช่วยเหลือผู้อพยพเมดิเตอร์เรเนียน Triton และปฎิบัติการของหน่วยงานกู้ภัยนี้ที่กระจายออกไปในบริเวณนั้น อยู่ภายใต้การควบคุม
ทั้งนี้สหภาพยุโรปได้รับการตำหนิถึงของเขตการทำงานของ Triton ซึ่งได้ตั้งขึ้นมาแทน Mare Nostrum หน่วยงานของอิตาลีที่ขนาดองค์กรที่ใหญ่กว่าในปีที่ผ่านมา เพราะชาติสมาชิกอียูบางชาติได้วิจารณ์ว่า Mare Nostrum นั้นใช้เงินอุดหนุนหน่วยงานสูงเกินไป และดูเหมือนว่าหน่วยงานอิตาลีแห่งนี้จะทำให้มีจำนวนผู้หลบหนีเข้ายุโรปมากขึ้น
แต่ทว่าแอมเนสตีสากลได้ออกแถลงการณ์ประนามการตัดสินใจยุบ Mare Nostrum ว่า จะส่งผลให้มีจำนวนผู้ลี้ภัยเข้ายุโรปจำนวนมากขึ้น และรวมไปถึงจำนวนผู้เสียชีวิต
และเมื่อวานนี้(22) อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (Antonio Guterres) จาก UNHCR ได้กล่าวว่า การร่วมมือทั้งสองฝ่ายจะเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งตัวเลขการเสียชีวิตของผู้ลี้ภัยได้ “จะต้องมีการยืนยันว่าเราจะสามารถในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยกลางทะเลได้ตลอดเวลา เพราะจากสถานการณ์ล่าสุดชี้ว่าเราอยู่ในวิกฤตฉุกเฉินการไหลบ่าของผู้อพยพ”
และกูเตอร์เรสให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “แต่จากที่รู้ในเวลานี้ คือเราไม่มีหน่วยงานกู้ภัยใดที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะจัดการปัญหานี้ได้ในเวลานี้ ซึ่งในขณะนี้ไม่ได้ลดจำนวนผู้อพยพแต่กลับเพิ่มมากขึ้นในความพยายามที่จะข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน”
และเจ้าหน้าที่จาก UNHCR ผู้นี้ยังกล่าวว่า “และเราทราบดีถึงขบวนการลักลอบค้ามนุษย์ ซึ่งเราต้องใช้ความเด็ดขาดกำหราบคนกลุ่มนี้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน”
ในวันพุธ(22) ยามฝั่งอิตาลีสามารถช่วยเหลือผู้ลักลอบหนีเข้าเมืองจากเรือลำต่างๆที่ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนราว 500 คน