พล.อ.เดวิด เพเทรอัส อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) และนายพลมือดีของกองทัพแดนอินทรี ถูกศาลตัดสินวานนี้ (23 เม.ย.) ให้ทำทัณฑ์บน 2 ปี และปรับเป็นเงินอีก 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ฐานเผยแพร่ข้อมูลชั้นความลับแก่หญิงสาวผู้เป็น “ชู้รัก”
นายพลสี่ดาววัยเกษียณกล่าวขออภัย และยอมรับสารภาพต่อศาลรัฐบาลกลางในเมืองชาร์ล็อตต์ มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา ว่าตนได้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลชั้นความลับแก่ พอลลา บรอดเวลล์ พันตรีหญิงผู้เขียนหนังสือชีวประวัติของเขาเอง
เพเทรอัสทำข้อตกลงยอมรับสารภาพผิดฐานเก็บ หรือลบข้อมูลชั้นความลับของรัฐบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษเพียงสถานเบา
ผู้พิพากษาศาลแขวง เดวิด คีสเลอร์ สั่งเพิ่มวงเงินค่าปรับที่อัยการแนะนำเพียง 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เต็มพิกัด เพื่อให้สาสมต่อการกระทำผิดร้ายแรง
“สิ่งที่ พล.อ.เพเทรอัสทำ ถือเป็นการตัดสินใจผิดพลาดอย่างร้ายแรงทีเดียว” คีสเลอร์กล่าว
เพเทรอัส วัย 62 ปี เป็นเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ที่ได้รับการเชิดชูเกียรติมากที่สุดคนหนึ่งในบรรดารุ่นเดียวกัน เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านก่อการร้าย เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในสงครามอิรัก และอัฟกานิสถาน และครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อตำแหน่งรองประธานาธิบดี หรือแม้กระทั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ความรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงานของเพเทรอัสต้องมีอันดับวูบหลังสัมพันธ์สวาทระหว่างเขากับบรอดเวลล์ ถูกเปิดโปง และเจ้าตัวตัดสินใจลาออกจากเก้าอี้ ผอ.ซีไอเอในปี 2012
เพเทรอัสในชุดสูทสีดำและเนกไทสีน้ำเงิน ยืนอ่านร่างคำแถลงต่อศาลด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“วันนี้เป็นจุดจบของความทรมานตลอด 2 ปีครึ่งอันเกิดจากกระทำที่ผิดพลาดของผมเอง… สิ่งที่ผมได้ทำไปแล้วในอดีต ผมใคร่ขออภัยต่อบุคคลใกล้ชิด และอีกหลายๆ คน”
เพเทรอัสเดินทางไปที่ศาลพร้อมทีมทนาย 3 คน แต่ไม่ปรากฏวี่แววสมาชิกในครอบครัวของเขา หรือแม้กระทั่ง บรอดเวลล์ ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองชาร์ล็อตต์
ผู้พิพากษาคีสเลอร์ระบุว่า ประธานาธิบดีและอดีตประธานาธิบดีหลายท่าน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพที่ได้ส่งหนังสือผ่านทีมทนายเพื่อให้กำลังใจแก่ เพเทรอัส ต่างมีความเห็นตรงกันว่าเขา “กระทำความผิดร้ายแรง ทว่า เกิดจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด”
ปัจจุบัน เพเทรอัส ดำรงตำแหน่งประธานสถาบันคลังความคิด เคเคอาร์ โกลบัล และยังคงให้คำปรึกษาแก่ทำเนียบขาวเป็นบางครั้งเกี่ยวกับงานด้านความมั่นคง
นักเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพพลเมืองและความโปร่งใสของรัฐวิจารณ์การทำข้อตกลงสารภาพความผิดของเพเทรอัส โดยชี้ว่าโทษสถานเบาที่เขาได้รับแสดงถึงการใช้ 2 มาตรฐานในกระบวนการยุติธรรม ทั้งที่บุคคลอื่นซึ่งกระทำความผิดเดียวกันได้รับโทษหนักกว่า หรือแม้กระทั่งติดคุกก็มี
เอกสารที่ เพเทรอัส และคณะอัยการลงนามรับรอง ระบุว่า เมื่อปี 2011 ก่อนที่เขาจะขึ้นดำรงตำแหน่ง ผอ.ซีไอเอ เพเทรอัสได้ช่วยให้ บรอดเวลล์ เข้าถึงแฟ้มข้อมูลลับที่ระบุตัวตนของเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ, รหัสลับ, ยุทธศาสตร์สงคราม, ศักยภาพด้านข่าวกรอง, การเจรจาทางการทูต และบันทึกการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ
