บันทึกนักข่าวฯ เมื่อแรกร่อนลงที่สนามบินกาฐมาณฑุหลังแผ่นดินไหวใหญ่

นักข่าวเอพี เผยเหตุการณ์ หลังจากร่อนลงที่สนามบินกาฐมาณฑุ กัปตันเครื่องบินไทยแอร์เวย์ได้ประกาศแจ้งผู้โดยสารว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ในหอควบคุมการบินของสนามบินฯ

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอพี ซึ่งโดยสารมากับเครื่องบินลำนี้ ได้รายงาน (26 เม.ย.) ว่า นั่นหมายความว่า เครื่องบินแม้ร่อนลงแล้ว จะยังไม่สามารถวิ่งเข้าไปได้มากกว่านี้ ทุกคนยังต้องอยู่บนเครื่องบิน และรอนานอีกราวครึ่งชั่วโมง กัปตันคนเดิมจึงแจ้งเพิ่มว่า เจ้าหน้าที่หอควบคุมการบินได้ออกจากหอฯ ไปด้วยเกรงอันตรายจากอาฟเตอร์ช็อคของแผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นตามมาหลายครั้งหลังแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 2,500 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชั่วโมงแรกๆ ในเมืองหลวงของเนปาล เขาได้พบเห็นความเสียหายย่อยยับของเมืองหลวงแห่งนี้ หันมองไปทางไหน ก็เห็นแต่ผู้คนบาดเจ็บ

ขณะที่ผู้โดยสารนั่งรออยู่บนเครื่องบิน ก็ได้ยินเสียงถกเถียงกันระหว่างพนักงานไทยแอร์เวย์ กับผู้โดยสารชาวจีน เกี่ยวกับเรื่องห้ามใช้โทรศัพท์มือถือฯ

“อย่าห้ามผม” จู่น ซุ่น บอกกับพนักงานฯ “ผมกำลังพูดกับครอบครัว มันสำคัญมาก”

“ผมอยากรู้ว่าครอบครัวผมปลอดภัย ผมจำเป็นต้องรู้ว่าภรรยา และลูกผมปลอดภัย”

ซุ่น ซึ่งทำงานอยู่ในสายงานโทรคมนาคม กล่าวว่า เขาเพิ่งบินจากการประชุมในกรุงเทพ และพยายามโทรติดต่อภรรยา กับลูกวัย 10 เดือน แต่ไม่สามารถติดต่อได้เนื่องจากเครือข่ายมีการใช้งานมาก แต่ที่สุดเขาก็ได้คุยกับเธอไม่กี่วินาที ผ่านทางแอปวีแชท และจนกระทั่งวันอาทิตย์ เขาจึงสามารถพูดกับครอบครัวของเขาได้เป็นครั้งแรก

นักธุรกิจจีนบอกว่า “ครอบครัวของตนออกมานอนกลางแจ้งเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมจะพาเขาออกจากที่นี่ ที่นี่ยังอันตราย และอาจมีเหตุการณ์เลวร้ายกว่านี้เกิดขึ้นอีก” จากนั้นเขาก็ได้ยื่นโทรศัพท์ให้ดูรูปซากปรักหักพังของบ้านเรือนในกรุงกาฐมาณฑุ ซึ่งเพื่อนๆ ส่งมาให้

“นี่คือความกังวลของผม” เขากล่าวพร้อมกับชี้ไปที่สภาพอพาร์ทเมนท์สูงหลายชั้น ซึ่งเขาพักอาศัยอยู่

หลายชั่วโมงต่อมา เมื่อเครื่องบินได้รับสัญญาณไฟเขียว ให้วิ่งเข้าเทียบส่งผู้โดยสาร เครื่องบินวิ่งผ่านเครื่องบินลำเลียงฯ ของกองทัพอินเดีย เห็นเหล่าทหารกำลังช่วยกันขนสิ่งของลงและเติมเชื้อเพลิง

เมื่อเดินเข้าไปในสนามบิน ก็เห็นคนหลายร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว แออัดอยู่ในห้องเที่ยวบินขาออก ใบหน้าของชายคนหนึ่งพันด้วยผ้าพันแผลขนาดใหญ่

บริเวณนั้น ยังเห็นหน่วยกู้ภัยจากหลายประเทศ นั่งรวมกลุ่มวางแผนเพื่อปฏิบัติภารกิจในเมืองกาฐมาณฑุ

เครื่องบินอีกหลายลำยังคงร่อนลงจอด เราได้เห็นเครื่องบินขนสินค้าสีเทาเหนือศีรษะ

หลังผ่านด่านศุลกากร เราก็รู้ได้ทันทีว่าทุกอย่างไม่อยู่ในภาวะปกติ ศูนย์จองห้องพักโรงแรมว่างเปล่า ห้องแลกเปลี่ยนเงินตราก็ร้าง ลานจอดรถไม่มีรถแท็กซี่จอดคอย ขณะที่มีชาวอินเดียวจำนวนมากยืนเข้าแถว เพื่อรอความหวังที่จะบินอพยพออกไปกับเที่ยวบินที่รัฐบาลอินเดียจัดส่งมา

ข่าน ซยัม กล่าวว่า เขาและครอบครัวเดินทางมาเที่ยวเนปาลและมีกำหนดกลับเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่เที่ยวบินของเราถูกยกเลิก พวกเราต้องนอนค้างพื้นที่โล่งกลางแจ้ง พวกเรากลัว และพยายามที่จะเดินทางออกจากที่นี่”

ปูจา บันดารี ภรรยา ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เขาบอกว่า “ไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้า ฉันหิว ที่นี่ไม่มีน้ำดื่ม”

ชาวอินเดียอีกคนที่มาเที่ยวเนปาล บอกว่าเพื่อนสองคนของเธอหายสาบสูญไป

ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวฯ ขับรถออกจากสนามบินไปยังสำนักงานเอพี เขาได้พบเห็นแถวยาวของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียตามท้องถนน แม้ว่าพื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองจะไม่เสียหาย แต่ประชาชนทุกคนต่างก็ออกมาอยู่นอกอาคาร ร้านค้าปิดหมด ตามสนามหญ้าเต็มไปด้วยผู้คน นั่งบ้าง ยืนบ้าง เดิน คุยกันบ้าง พวกเขาต่างอยู่ในความหวาดกลัว วิตกกังวลว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อคทำให้อาคารที่เอนทรุดทุกแห่งถล่มราบ

ที่โรงแรมอันนาปุรณะ ผนังสูง 2 ชั้นที่ส่วนหน้ามีรอยแตกใหญ่ โรงแรมไม่มีไฟฟ้า ห้องโถงมืดมิด นักท่องเที่ยวจำนวนมากซุกตัวใต้ผ้าห่มหามุมนอนอยู่ตามบริเวณภายนอกอาคาร

รายงานข่าวกล่าวว่า ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างเดินทางจากสนามบินกาฐมาณฑุ ไปยังโรงแรม ก็ชวนให้เข้าใจถึงหายนะที่เกิดขึ้นกับประเทศนี้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะพบเห็นมากขึ้นๆ ในทุกๆ แห่งหน ทั้งในหมู่บ้านเชิงเขา เขตโบราณสถานที่สำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ และสถานที่ต่างๆ

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น