เกิดเหตุปะทะกันในวันพุธ (29 เม.ย.) ที่กรุงกาฐมาณฑุ ระหว่างตำรวจปราบจลาจลกับชาวเนปาลที่หมดความอดทนกับความเชื่องช้าของทางการ ขณะที่รัฐบาลยอมรับว่า มีจุดอ่อนในการบริหารจัดการบรรเทาทุกข์ เนื่องจากขนาดความเสียหายมโหฬารอย่างไม่เคยพบมาก่อน พร้อมให้สัญญาปรับปรุงแก้ไข ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่กว่า 5,000 คน
ในภาวะที่ข้าวของอุปกรณ์ยังชีพขาดแคลนลงเรื่อยๆ และอาฟเตอร์ช็อกที่ยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะสร้างความหวาดผวาต่อผู้พำนักอาศัยในกาฐมาณฑุ เมืองหลวงที่มีประชากร 2.05 ล้านคนและถูกทำลายเสียหายหนักจากแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันเสาร์(25) ที่ผ่านมา ประกอบกับความล่าช้าในการรับมือภัยพิบัติและการแจกจ่ายความช่วยเหลือของรัฐบาล ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากขึ้นเริ่มหมดความอดทน
มีผู้คนเป็นพันๆ ไปรอรถโดยสารอยูที่บริเวณหน้าสถานีตั้งแต่เช้ามืดวันพุธ หลังจากที่รัฐบาลรับปากจะจัดหารถบัสพิเศษ 250 คันรองรับประชาชนที่ต้องการเดินทางออกนอกเมืองหลวง แต่กลับกลายเป็นว่า ไม่มีรถบัสให้เห็นแม้แต่คันเดียว กลุ่มคนเหล่านั้นจึงหมดความอดทนและเกิดเหตุปะทะกับตำรวจที่ถูกส่งไปควบคุมสถานการณ์บริเวณใกล้รัฐสภา
ผู้ประท้วงบางส่วนได้บังคับรถบรรทุกที่กำลังขนน้ำดื่มบรรจุขวดคันหนึ่งให้ออกนอกถนน จากนั้นก็กรูขึ้นไปบนรถและช่วยกันโยนขวดบรรจุน้ำให้ฝูงชน
https://www.youtube.com/watch?v=S3jvtCH4hUs
แถวของตำรวจจลาจลยืนอยู่ด้านหลังของม้วนลวดหนาม ขณะที่พวกผู้ก่อเหตุจลาจลซึ่งใช้ไม้ยาวๆ เป็นอาวุธ วิ่งกรูขึ้นมาบนถนน เที่ยงไล่โจมตีรถบรรทุกตลอดจนยานพาหนะอื่นๆ
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผู้ประท้วงที่โกรธแค้นคนหนึ่งได้ลากเอาหญิงสาวคนหนึ่งจากรถสกู๊ตเตอร์ของเธอและลงมือทำร้าย จึงถูกพวกที่มุงดูอยู่ร้องห้าม จากนั้นตำรวจจลาจลก็ลากตัวเขาออกไป
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยปล้นบ้านที่ถูกทิ้งร้าง และสร้างความแตกตื่นด้วยการปล่อยข่าวว่าเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหม่รวมหลายสิบคน
ความวุ่นวายสับสนที่ปรากฏให้เห็นเช่นนี้ ทำให้ทางการอิสราเอลออกคำแนะนำพลเมืองของตน ให้เดินทางออกจากเนปาล ด้วย “เหตุผลด้านสุขภาพและความปลอดภัย”
สำหรับรัฐบาลเนปาลเองยอมรับว่า ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกกับความเสียหายร้ายแรงที่ไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 80 ปี
รัฐมนตรีสื่อสาร มิเนนทรา ริจาล ปราศรัยทางทีวีโดยยอมรับว่า มีจุดอ่อนในการจัดการบรรเทาทุกข์ในบางส่วน อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่า รัฐบาลจะลงมือแก้ไขปรับปรุงตั้งแต่วันพุธเป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ แชงเกอร์ ดาส ไบราจี ยังร้องขอให้ต่างชาติส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ รวมถึงทีมค้นหาและกู้ภัยไปช่วยเนปาล แม้ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่บางคนประกาศว่า เนปาลไม่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมแล้วก็ตาม
ไม่เพียงชาวเมืองหลวงเท่านั้นที่กำลังรู้สึกหมดหวัง ชาวบ้านในถิ่นทุรกันดารก็แสดงความท้อแท้ หลายคนวิงวอนขอโดยสารเฮลิคอปเตอร์ที่ไปแจกจ่ายความช่วยเหลือเพื่อออกจากพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ประสบภัยหลายแห่งที่ความช่วยเหลือยังไปไม่ถึง เนื่องจากทางขาดจากดินถล่ม
สำหรับยอดผู้เสียชีวิตในเนปาลที่ได้รับการยืนยันจนถึงตอนค่ำวันพุธ อยู่ที่ 5,057 ราย และยังมีอีกราว 100 รายในประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดียและจีน
ส่วนตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บมีประมาณ 8,000 คน และสหประชาชาติประเมินว่า มีประชาชนถึง 8 ล้านคนได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ขณะที่ผู้คนหลายแสนคนยังต้องกินนอนข้างถนน ในสวนสาธารณะ และพื้นที่กลางแจ้งอื่นๆ
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ช่วงบ่ายวันอังคาร เฮลิคอปเตอร์ทหารเดินทางไปยังเขตโกราตาเบลา ซึ่งเป็นสถานที่ไต่เขายอดนิยม หลังเกิดเหตุหิมะถล่มในวันอังคาร ปรากฏว่าพบผู้รอดชีวิต 18 คน จากที่เชื่อว่า มีนักท่องเที่ยวและประชาชนอยู่ในบริเวณดังกล่าวขณะเกิดเหตุราว 200-250 คน
ขณะเดียวกัน ถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า โอกาสค้นพบผู้รอดชีวิตหลังจากผ่านไป 5 วันแทบเหลือเพียงศูนย์ ทว่า หน่วยกู้ภัยฝรั่งเศสสามารถดึงชายหนุ่มวัย 28 ปีคนหนึ่งขึ้นมาจากซากอพาร์ตเมนต์ในกาฐมาณฑุเมื่อคืนวันอังคาร หลังติดอยู่ราว 82 ชั่วโมงพร้อมร่างผู้เสียชีวิต 3 ศพ
ริชี คานาล เล่าว่า เขากระหายน้ำมากจนต้องยอมดื่มปัสสาวะตัวเอง นอกจากนี้ แพทย์ยังเตรียมตัดขาทั้งสองข้างของเขาทิ้ง เนื่องจากได้รับความเสียหายจากอาการเลือดตกในจนไม่สามารถรักษาได้