ผบ.ตร.เตรียมหารือมาเลเซียแก้ปัญหาโรฮิงญาพรุ่งนี้

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาว่า ในวันพุธนี้(13 พ.ค.)จะหารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ที่จะนำคณะมาประชุมร่วมกันที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมประสานให้ช่วยจับตัวนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล ตัวการใหญ่ขบวนการค้ามนุษย์ ที่คาดว่าน่าจะซ่อนตัวที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ยอมรับว่า การแก้ปัญหาค้ามนุษย์เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายหนักใจ เพราะไม่สามารถผลักดันกลับประเทศต้นทางหรือส่งไปยังประเทศปลายทางได้ และเตรียมย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับขวนการค้ามนุษย์ในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลาอีกกว่า 10 นาย หลังมีคำสั่งย้ายไปแล้วกว่า 50 นาย

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาบุคคลดังกล่าวที่ผ่านมา ลักษณะเหมือนรู้ข้อมูลการทำงานของที่ตำรวจมาโดยตลอด พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า คนร้ายหรือคนทำผิดจะรู้ตัวเองว่ามีความเกี่ยวข้องหรือได้ทำผิดอะไรไว้ เขาอาจจะมีการเฝ้าฟัง หรือเฝ้าระวังว่ามีการออกหมายจับ หรือมีการที่จะเข้าจับกุมไหม ซึ่งคนร้ายระดับนี้เป็นคนที่มีความรู้ วุฒิภาวะ ตนเชื่อว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นี้ผู้ต้องหาคงไม่ได้นอนที่บ้าน น่าจะไปนอนที่อื่น ผิดถูกเดี๋ยวค่อยว่ากัน นี่คือ สัญชาตญาณคนร้าย โดยเฉพาะคนที่มีความรู้และมีพรรคพวก หรือมีประสบการณ์จะมีการวางแผนล่วงหน้า ถึงไม่ถึงไม่รู้แต่ก็ขอนอนนอกบ้านไว้ก่อน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด

“ก็อาจเป็นได้ในหมู่ตำรวจหรือในหมู่ข้าราชการของรัฐหน่วยอื่นที่อาจจะมีความรู้จักมักคุ้น ต้องยอมรับว่าในสังคมต่างจังหวัด ข้าราชการกับพ่อค้าคหบดี และก็นักการเมืองท้องถิ่น ในยามปกติที่ไม่มีเรื่องไม่มีเหตุร้ายก็ต้องทำงานร่วมกัน มีการพึ่งพาอาศัยกันและติดต่องานในเรื่องต่างๆ ซึ่งบางครั้งตัวข้าราชการเองไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ไปทำอะไรไว้ จนกระทั่งเรื่องปรากฏหรือแดงขึ้นมา เราถึงต้องจำแนกว่าคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้เกี่ยวข้องยังไง ขนาดไหน เป็นความผิดไหม เป็นความถูกต้องไหม เกี่ยวข้องถึงขนาดไปช่วยเหลือสนับสนุน อำนวยความสะดวกหรือไปมีผลประโยชน์อะไร ตรงนี้คือสิ่งที่ต้องพิสูจน์ ส่วนตำรวจต่างๆที่ได้ออกคำสั่งให้ช่วยราชการ ก็ยืนยันอีกครั้งว่าเป็นความคิดเห็นของผู้บังคับบัญชาที่ลงไปกำกับดูแลคดีในพื้นที่ เมื่อเสนอขึ้นมา ตนต้องให้เกียรติให้ความเคารพในสิ่งที่ขอมา เพราะถ้าตนไม่ทำตามคำขอผู้บังคับบัญชาเหล่านั้นคงทำงานลำบาก ผลเสียก็ตกอยู่กับส่วนรวม” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว และว่า ตรงนี้ก็ต้องยอมรับ และตนก็จะให้ทางจเรตำรวจแห่งชาติ ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ทำทุกอย่างให้กระจ่าง แต่ถ้าใครมีความผิดก็ว่ากันไป ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ชัดเจนว่า ถ้าทำผิดเป็นคดีอาญาต้องดำเนินคดี ถ้าทำผิดเกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ก็ต้องย้ายออกจากพื้นที่ หรือมีความผิดทางด้านวินัย อะไรก็แล้วแต่เราจะให้ความเป็นธรรม ถ้าท่านใดที่เข้าไปในช่วงหลังจากเกิดเหตุแล้ว หรือหลังจากที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายผ่านไปคราวที่แล้ว เพราะว่าที่ผ่านมา ผบช.ภ.8 และ ผบช.ภ.9 ก็รู้ ก็ย้ายบางคนออกนอกพื้นที่ หรือให้พ้นจากตำแหน่งที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ถ้าท่านเหล่านั้นไม่มีความผิดไม่เกี่ยวข้องก็จะคืนความชอบธรรมให้ ย้ายกลับ หรือส่งกลับที่เดิมล่าว

เมื่อถามว่า การโยกย้ายที่จะมีนอกวาระเกิดขึ้น รวมไปถึงระดับนายพล ที่มีกระแสข่าว ว่า นายพลอักษรย่อ “จ” และ “ต” ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็ถ้าเกี่ยวข้องกับใครก็ต้องดำเนินการ แต่การจะไปโยกย้ายโดยใช้อำนาจตามมาตรา 56 มันมีขั้นตอน ไม่ใช่ตนนึกอยากจะย้ายก็ย้าย ตนเสนอย้ายเองไม่ได้ เพราะมีขั้นมีตอนตามกฎ ก.ตร. ที่จะใช้อำนาจตามมาตรา 56 ได้ และอำนาจตามมาตรา 56 ก็ต้องมีการขออนุมัติ ก.ตร. ซึ่งตนจะหยิบขึ้นมาใช้เองโดยพลการไม่ได้

เมื่อถามว่า จากที่มีกระแสข่าวที่มีนายพล 5 ท่าน เข้าไปเกี่ยวข้องตรงนี้ได้รับข้อมูลหรือมีข้อมูลเชิงลึกหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ต้องรอ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็กเยาวชนและสตรี และปราบปรามการค้ามนุษย์ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งรับผิดชอบตรงนั้น ตนให้รายงานโดยเบื้องต้นเปิดเผยก็คือให้มาช่วยราชการในทางลับ ถ้าเป็นในทางลับหรือเปิดเผยอะไรก็แล้วแต่ก็ต้องมีประจักษ์พยานหรือสิ่งที่บ่งบอกว่ามีความผิดจริง เพราะไม่งั้นก็ไม่ยุติธรรม และจะทำให้ข้าราชการตำรวจเสียขวัญ ตนยืนยันสิ่งที่ทำไปตามพยานหลักฐานและคำร้องขอของผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบในคดี ไม่ได้ทำไปโดยพลการหรือทำตามใจชอบ ทุกอย่างต้องทำตามขั้นตอน ยึดกฎระเบียบข้อกฎหมาย และที่สำคัญถ้าย้ายเอามาช่วยราชการโดยไม่มีเหตุผล ก็จะทำให้กำลังพลมีความรู้สึกหวั่นไหวหรือเสียขวัญกำลังใจ

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น