แม่ทัพภาคที่ 4 นำมวลชน ทยอยรื้อถอนแคมป์กักกันโรฮิงญาบนเขาแก้ว เผยยังเปิดยุทธการลาดตระเวนตามแนวชายแดนตั้งแต่ จ.สตูล ถึง จ.สงขลา ต่อเนืองไปถึงสิ้นเดือนนี้ ขณะที่การขุดหลุมฝังศพใหม่อีก 19 หลุมยุติไว้ก่อน
ความคืบหน้าการตรวจสอบแคมป์และหลุมฝังศพบนยอดเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ในวันนี้ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่4 พร้อมด้วย นายเอกรัฐ หลีเส็น รองผู้ว่าราชการจ.สงขลา พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา สนธิกำลังทหารตำรวจฝ่ายปกครองและมวลชนในพื้นที่อ.สะเดา เข้ารื้อถอนแคมป์ที่เคยถูกใช้เป็นสถานที่กักกันชาวโรฮิงญาที่ใหญ่ที่สุดบนเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ ซึ่งมีโรงเรือน 21 หลังห้องน้ำ 18 หลัง หอสังเกตุการณ์ 2 หลัง โรงครัว 4 หลัง เพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก ส่วนหลุมศพต้องสงสัยที่พบใหม่บนยอดเขาแก้ว 19 หลุม ซึ่งเดิมทีจะมีการขุดพิสูจน์ในวันนี้นั้นต้องยุติการขุดไปก่อนชั่วคราวจนกว่าจะมีการรวมรวมหลักฐานเพิ่ม
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการเปิดยุทธการตรวจสอบพื้นที่ตามแนวชายแดนตั้งแต่ จ.สตูล จนถึง จ.สงขลา มา 10 วัน พบแคมป์กักกันชาวโรฮิงญา 21 แห่ง เป็นแคมใหญ่ 2 แห่ง ที่เหลือเป็นแคมป์ย่อย รวมทั้งในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอีก 3 แห่ง และในวันนี้ได้มีการสนธิกำลังทุกฝ่ายเพื่อรื้อถอนแคมป์ไม่ให้ใช้พื้นที่ทำผิดกฏหมายต่อไปอีก นอกจากนี้จะมีการเปิดยุทธการลาดตระเวนตามแนวชายแดนต่อเนื่องไปถึงสิ้นเดือน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีแคมป์กักกันหลงเหลืออยู่รวมทั้งตรวจสอบบุคคลต่างด้าวว่ายังหลงเหลืออยู่ในป่าอีกหรือไม่เพื่อให้การช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมาพบชาวต่างด้าวแล้วกว่า 300 ชีวิต ซึ่งได้นำตัวไปคัดแยกและให้การช่วยเหลือตามแนวทางของรัฐบาล