กลุ่มไอเอส แถลงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในวันศุกร์(22พ.ค.) อ้างอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีนองเลือดถล่มศาสนสถานแห่งหนึ่งในจังหวัดอีสเทิร์น ทางตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 21 ศพและบาดเจ็บมากกว่า 50 คน นับเป็นครั้งแรกที่ทางกลุ่มออกมาอ้างอย่างเป็นทางการว่าดำเนินการโจมตีบนแผ่นดินซาอุดีอาระเบีย ในช่วงที่ซาอุดิอาระเบียยังอยู่ในภาวะสงครามปราบกบฎชีอะห์ฮูธีย์ในเยเมน
ถ้อยแถลงของไอเอสระบุว่าทหารของเขาอยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายในศาสนสถานชีอะห์ของเมืองกาตีฟ ซึ่งมีชาวชีอะห์เป็นชนกลุ่มใหญ่ พร้อมเผยแพร่ภาพมือระเบิดระบุชื่อว่าคือนายอาบู อาเมอร์ อัล-นาจดี
มีความเป็นไปได้ว่าการโจมตีดังกล่าวจะเพิ่มความชอบธรรมในการตอบโต้อย่างรุนแรงต่อชาวมุสลิม โดยกลุ่มนักรบชีอะห์ จากเดิมที่ก็ตึงเครียดหนักอยู่แล้วจากสถานการณ์ในเยเมน หลังพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียปฏิบัติการทางอากาศเพื่อปราบปรามกลุ่มกบฏชีอะห์ฮูธีย์ในเยเมน ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวแทนของอิหร่านที่พยายามขยายความรุนแรงในภูมิภาคเพิ่มเติมจากในซีเรีย และอิรัก
พยานผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งได้บรรยายถึงการระเบิดครั้งใหญ่ที่ศาสนสถานอิหม่ามอาลีในหมู่บ้านอัล-กอดีห์ ซึ่งนักแสวงบุญกว่า 150 คนกำลังสวดมนต์อยู่ “ตอนที่เราได้ยินเสียงระเบิดเรากำลังอยู่ในช่วงต้นของพิธีสวดมนต์” คามัล จาฟาร์ ฮัสซัน ผู้ร่วมสวดมนต์บอกกับรอยเตอร์ผ่านทางโทรศัพท์จากที่เกิดเหตุ
โฆษกของกระทรวงมหาดไทยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการก่อการร้าย ระบุว่า มือระเบิดจุดชนวนระเบิดติดเข็มขัดที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดของเขาภายในมัสยิด เป็นเหตุให้ประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
“หน่วยงานความมั่นคงจะไม่ลดละความพยายามในการตามล่าคนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายครั้งนี้” เจ้าหน้าที่กล่าวในถ้อยแถลง ซึ่งรายงานโดยสำนักข่าว SPA ของทางการ
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรายหนึ่งบอกกับรอยเตอร์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า มีคนตายราว 20 คน ในการโจมตีและกว่า 50 คนกำลังรับการรักษาที่โรงพยาบาล บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อีกจำนวนหนึ่งได้รับอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน ซาอุดีอาระเบียบอกว่าพวกเขาเฝ้าระวังขั้นสูงสุดต่อความเป็นไปได้ของการโจมตีก่อการร้ายต่อสถาบันน้ำมันและห้างสรรพสินค้า