ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ลงดาบนักการเมืองท้องถิ่นพัวพันค้ามนุษย์ ขณะที่ตำรวจลงหาข้อมูลเพิ่ม หลังมาเลเซียพบหลุมศพโรฮิงญาเพิ่ม 139 หลุม และแคมป์ 38 จุด
วันนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เรียกประชุมนักการเมืองท้องถิ่นทั้งจังหวัด ระดับนายก อบจ. นายกเทศมนตรี นายก อบต.รวมทั้งปลัดปกครองส่วนท้องถิ่น ของแต่ละพื้นที่เพื่อรับนโยบายโดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ขึ้นที่ห้องประชุมโต๊ะพญาวัง ศาลากลางจังหวัด หลังมีการออกหมายจับนักการเมืองท้องถิ่นในระดับนายก อบต. 1 แห่ง และ ส.อบจ. 3 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีนั้น โดยขอให้ทุกคนทำงานอยู่ในกรอบบทบาทหน้าที่ และประพฤติตนให้อยู่ภายใต้กฎหมายกำหนด โดยยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียให้แก่จังหวัดสตูลไม่น้อย และหากเรื่องนี้ไปพาดพิงถึงใครห รือพบว่ามีส่วนพัวพันจะไม่มีการปกป้องโดยให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ผู้ว่าฯ จังหวัดสตูล ยังให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีทางการมาเลเซียพบหลุมฝังศพชนกลุ่มน้อยโรฮิงญา กว่า 100 หลุมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับทางการมาเลเซียว่ามีส่วนพัวพันมาถึงพื้นที่จังหวัดสตูลด้วยหรือไม่ และพร้อมจะทำงานร่วมกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แต่ทางการสตูลก็ไม่อาจจะเข้าไปล่วงอำนาจของการทางประเทศเพื่อนบ้านได้ ต้องรอการประสานมาเท่านั้น พร้อมยินดีที่จะให้ปัญหานี้ได้กระจ่าง และชัดเจนเพื่อให้เรื่องยุติโดยเร็ว เพื่อไม่ให้จังหวัดสตูล และประเทศชาติเสื่อมเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้
ด้าน พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.9 รรท.ผบก.ภ.จว.สตูล พร้อมรอง ผบก.ภ.จว.สตูล หัวหน้าอุทยานฯ ทะเลบัน และนายอำเภอควนโดน เดินทางลงพื้นที่ชายแดนบ้านวังประจัน หมู่ที่ 4 ต.วังประจัน อ.ควนโดน เพื่อเดินทางไปร่วมฟังการแถลงข่าวของ ผบ.ตร.ทางการประเทศมาเลเซีย ที่บ้านวังเกลียน รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนประเทศไทย 600 เมตร พร้อมเผยว่า ทางการไทยพร้อมรอการประสานการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือความร่วมมือในการไล่ล่าขบวนการค้ามนุษย์ร่วมกัน ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีการร้องขอมาแต่อย่างใด ซึ่งในเรื่องนี้ทางตำรวจไทยก็พร้อมหากจะมีการทำงานร่วมกัน และยืนยันว่าหลุมฝังศพที่พบไม่ได้อยู่ในเขตประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การข่าวยังพบว่า หลุมฝังศพที่ทางการประเทศมาเลเซียพบมีจำนวน 139 หลุม และพบแคมป์ 38 จุด ในพื้นที่มาเลเซีย โดยการข่าวยังพบว่า น่าจะมีตัวการใหญ่ในมาเลเซียให้การสนับสนุนดูแลการอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายชาวโรฮิงญาในครั้งนี้รวมอยู่ด้วย