ข้าวปลอมระบาด นักวิชาการแนะตรวจสอบ พณ.ชี้พบให้แจ้ง 1569

เหตุการณ์ข้าวปลอมระบาดนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา มีหญิงชายแปลกหน้าขับรถกระบะสีดำป้ายทะเบียนพิษณุโลกมาขายข้าวในพื้นที่บ้านป่าหัด หมู่ 1 ต.ม่วงตึ๊ด อ.ภูเพียง จ.น่าน  อ้างว่านำข้าวมาส่งขายที่ร้านค้าสหกรณ์ในพื้นที่แถวนั้น แล้วมีข้าวเหลือ จะขายให้ในราคาทุนเพราะต้องรีบเดินทางกลับจ.เชียงราย ซึ่งราคานั้นต่ำกว่าท้องตลาดกระสอบละ 200-300 บาท  ทำให้ชาวบ้านหลายรายหลงเชื่อซื้อเอาไว้  แต่พอนำมาข้าวมาหุง กลับเป็นข้าวไม่มีคุณภาพ เม็ดร่วนไม่เกาะติดกัน และไม่มีกลิ่นหอมของข้าว

คนแปลกหน้ากลุ่มนี้ อ้างว่า นำข้าวมาส่งขายที่ร้านค้าสหกรณ์ในพื้นที่แถวนั้น แล้วมีข้าวเหลือ จะขายให้ในราคาทุนเพราะต้องรีบเดินทางกลับจ.เชียงราย ซึ่งราคานั้นต่ำกว่าท้องตลาดกระสอบละ 200-300 บาท  ทำให้ชาวบ้านหลายรายหลงเชื่อซื้อเอาไว้  แต่พอนำมาข้าวมาหุง กลับเป็นข้าวไม่มีคุณภาพ เม็ดร่วนไม่เกาะติดกัน และไม่มีกลิ่นหอมของข้าว

นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กรณีที่มีชาวบ้านในจังหวัดน่านร้องทุกข์ว่า พบข้าวปลอมนั้น ควรจะต้องนำตัวอย่างข้าวดังกล่าวมาตรวจสอบโดยละเอียด ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นข้าวพลาสติก แต่อาจจะเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ หรือข้าวสายพันธุ์ไม่ดี

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีการแชร์ส่งต่อคลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็นโรงงานทำข้าวพลาสติกในจีนนั้น ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เนื่องจากถ้าดูต้นทุนแล้วจะรู้ว่า พลาสติกแพงกว่าข้าวสารเสียอีก และทางการจีนแถลงว่าไม่จริง ส่วนคลิปวิดีโอนั้น ที่จริงแล้วเป็นคลิปจากโรงงานทำเม็ดพลาสติก

สำหรับข้อความที่มีการส่งต่อ ระบุว่ามีข้าวสารปลอมระบาดในเมืองไท่หยวน ประเทศจีน ซึ่งข้าวสารนี้ทำจากส่วนผสมของมันฝรั่งกับเม็ดพลาสติกเรซิ่นสังเคราะห์ ก่อนจะขึ้นรูปด้วยเครื่องอัดเม็ดให้มีลักษณะเหมือนกับรูปร่างของเมล็ดข้าวจริงๆ ซึ่งข้อมูลที่แชร์กันยังระบุว่า เมื่อนำข้าวสารปลอมนี้ไปหุงจะมีลักษณะที่แข็งกว่าข้าวธรรมดา ไม่เละหรือเหลว ซึ่งตรวจสอบพบว่าเป็นข่าวที่แพร่กระจายตั้งแต่ปี 2554

ด้านนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับมีกลุ่มผลิตเมล็ดข้าวปลอมแล้วลักลอบนำเข้ามาปลอมปนกับข้าวในประเทศ โดยมีการตรวจพบที่จังหวัดน่านนั้น ตามกฎหมายขึ้นอยู่กับผู้บริโภคที่ประสบปัญหาจะต้องมีการร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่หลอกลวงผู้บริโภค กฎหมายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกฎหมายอาญา ซึ่งการจัดการของกรณีข้าวปลอมจะคล้ายการกระทำเกี่ยวกับการขายทุเรียนอ่อนที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปเร็ว ๆ นี้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จะต้องกำหนดว่าหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์แม้ว่าจะดูเกี่ยวกับข้อระเบียบด้านการค้าภายในประเทศและการนำเข้าสินค้าก็ตาม เช่น กรมการค้าภายในจะดูแลและคุ้มครองราคาและปริมาณ ส่วนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ กรมการค้าต่างประเทศจะดูแลเรื่องการสำแดงเอกสารของการนำเข้าของสินค้านั้น ๆ ส่วนการตรวจสอบสินค้าว่าเป็นไปตามเอกสารสำแดงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกรมศุลกากร แต่ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานมีการประสานการทำงาน เรื่องนี้เห็นว่าหากเป็นการกระทำที่จะสร้างผลกระทบให้กับผู้บริโภคภายในประเทศหรือเสียภาพพจน์ของข้าวไทยอยากแนะนำให้ผู้ที่พบร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นคดีอาญา และจะสร้างความเสียหายให้กับผู้บริโภค ซึ่งกรมการค้าภายในพร้อมจะประสานงานไปยังหน่วยงานต่าง ๆ หากมีการร้องเรียนมายังสายด่วน 1569

ทั้งนี้  หากดูกรณีการปลอมปนข้าวที่ไม่ได้มาตรฐานจะเข้าข่ายการขายทุเรียนอ่อน ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย 2 ฉบับ คือ กฎหมายอาญา มาตรา 271 ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยการประกาศใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณของนั้นอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 47 ผู้ใดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่นต้องจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น