โมฮัมเหม็ด โซเฮล รานา (Mohammed Sohel Rana) เจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปป้อนห้างวอลมาร์ต สหรัฐฯ รวมไปถึงแบรนด์หรู เช่น Benetton เป็นต้น ถูกตำรวจบังกลาเทศตั้งข้อหา “ฆ่าคนตาย” ในเหตุการณ์ตึกถล่มโรงงานเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ภายในตึกรานา พลาซ่า ในปี 2013 ซึ่งถือเป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ของบังกลาเทศ ที่ทำให้คนจำนวนมากถึง 1,100 คนต้องเสียชีวิต
NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงาน เมื่อวานนี้ (31)ว่า โมฮัมเหม็ด โซเฮล รานา (Mohammed Sohel Rana) เจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปป้อนแบรนด์ชั้นนำต่างประเทศ เช่น Benetton รวมไปถึงห้างค้าปลีกสหรัฐฯ วอลมาร์ต ที่ตั้งอยู่ภายในตึก“รานา พลาซ่า” ซึ่งชายผู้นี้ยังเป็นเจ้าของตึกช็อปปิ้งมอลแห่งนี้อีกด้วย พร้อมด้วยบิดามารดาของเขาอยู่ในกลุ่ม 42 คน ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา “ฆาตกรรม” ซึ่งหากถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจนำไปสู่โทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
โดยตำรวจบังกลาเทศแถลงว่า แต่เริ่มแรกจะมีการสั่งฟ้องรานาและพรรคพวกในข้อหานี้ในวันอาทิตย์(31 พค.)แต่ทว่าภายหลังถูกเลื่อนไปเป็นวันนี้(1)เนื่องจากต้องมีการปรับเปลี่ยนด้านเทคนิกบางประการ
สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า เหตุตึกถล่มโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป “รานา พลาซ่า” ในปี 2013 ถือเป็นเหตุเขย่าขวัญที่ได้รับการจดบันทึกเอาไว้ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 1,100 คนที่ส่วนใหญ่เป็นหญิงต้องเสียชีวิต หลังจากถูกบังคับให้ต้องทำงานในสถานที่อันตรายที่มีแนวร้าวบริเวณโครงสร้างหลักเกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้าวันที่ 24 เมษายน 2013 ในบริเวณ 6 ชั้นของตัวตึกพลาซ่าขนาดทั้งหมด 9 ชั้น และสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตมาได้ราว 2,430 คนในขณะนั้น โดยมีรายงานยืนยันว่า มีพนักงานที่กำลังทำงานในเวลาเกิดเหตุภายในโรงงานแห่งนี้ทั้งหมดมีจำนวน 3,122 คน ซึ่งตามข่าวตึกแห่งนี้มีสถานประกอบการนอกจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแล้ว ยังรวมไปถึงธนาคาร อพาทเมนต์ และร้านค้าอีกมากมายตั้งอยู่ภายใน
และก่อนหน้านี้ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2015 สำนักงานปราบปรามคอรัปชันแห่งชาติบังกลาเทศยื่นฟ้องรานาฐานร่ำรวยผิดปกติ โดยชายผู้นี้ถูกตำรวจจับกุมได้ในระหว่างการหลบหนีออกนอกประเทศไปทางพรมแดนด้านตะวันตกติดอินเดียหลังเกิดเหตุตึกถล่มโรงงานเสื้อผ้าของตนเองราว 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น