ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายร้อยคนแห่เข้าตุรกีในวันจันทร์ (15) เพื่อหลบหนีการสู้รบรุนแรงระหว่างกลุ่มนักรบชาวเคิร์ดและพวกนักรบญิฮาดในตอนเหนือของซีเรีย หลังจากที่อังการาเปิดพรมแดนแดนใหม่อีกครั้ง
การแห่แหนเข้ามาของผู้ลี้ภัยระลอกใหม่นี้มีขึ้นในขณะที่กองกำลังชาวเคิร์ดกำลังบุกรุกคืบเมืองทาลอับยาด ซึ่งกลุ่มนักรบไอเอสครอบครองอยู่ และตั้งอยู่ตรงข้ามพรมแดนดังกล่าวของตุรกี
ในวันจันทร์ (15) เบื้องต้นมีชาวซีเรียราว 2,500 คนได้รับอนุญาตให้เข้าตุรกีให้ผ่านจุดผ่านแดนอัคซาเคล ซึ่งมีผู้ลี้ภัยอย่างน้อย 1,000 คนถูกห้อมล้อมอยู่หลังรั้วลวดหนาม
ในสัปดาห์ที่แล้วคนราว 16,000 คนได้ลี้ภัยไปยังตุรกีเพื่อหลบหนีการสู้รบดังกล่าว แต่พรมแดนแห่งนี้ถูกปิดเป็นระยะๆ โดยทางการตุรกีระบุว่า พวกเขาจะอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยเขามาในประเทศเฉพาะเมื่อมีวิกฤติร้ายแรงด้านมนุษยธรรมเท่านั้น
ทางการตุรกีปิดพรมแดนแห่งนี้เมื่อวันอาทิตย์ (14) หลังจากที่รับคนอย่างน้อย 3,000 คนเข้ามาแล้ว ขณะที่อีกกว่าหลายพันคนยังคงติดค้างอยู่ภายนอกรั้ว โดยหลายคนตัดสินใจปักหลักเฝ้ารออยู่ข้ามคืน
“หากตุรกียอมรับผู้ลี้ภัยระลอกใหม่จากเมืองทัลอับยัด นั่นหมายความว่าตุรกีควรเตรียมพร้อมรับการไหลทะลักของผู้ลี้ภัยอย่างน้อย 100,000 คน” นูมาน คูร์ตุลมุส รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในวันนี้ (15)
“เรามีความเห็นว่าไม่ได้มีวิกฤติด้านมนุษยธรรมในเมืองทาลอัมยาด เหมือนกับเมืองโคบานีหรือพื้นที่อื่นๆ ในซีเรีย” เขาบอกกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเติร์ก
กองกำลังเคิร์ดมีเป้าหมายที่จะยึดคืนเมืองทาลอับยาดเพื่อที่จะปลดปล่อยเส้นทางผ่านจากเมืองโคบานีไปยังเมืองกอมิชลีซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนอิรัก
ในเดือนเมษายนรัฐบาลตุรกีเปิดเผยว่าได้ใช้จ่ายเงินไปเกือบ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปกับการเลี้ยงดูผู้อพยพชาวซีเรีย ภายใต้นโยบาย “เปิดประตู” ที่ประธานาธิบดี นาจีพ ตอยยิป เออร์โดแกน ให้การสนับสนุน ตุรกีได้รับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียมาแล้วกว่า 1.8 ล้านคนนับตั้งแต่ที่ความขัดแย้งในซีเรียปะทุขึ้นในปี 2011