เชื่อเหยียดผิว!! มือปืนผิวขาวยิงกราด ‘โบสถ์ผิวดำ’ ที่สหรัฐฯตาย 9

เกิดเหตุสะเทือนขวัญในมืองชาร์ลสตัน มลรัฐเซาท์แคโรไลนา ตอนกลางดึกคืนวันพุธ (17) เมื่อหนุ่มผิวขาววัย 20 ต้นๆ เปิดฉากกราดยิงภายในโบสถ์คริสเตียนเก่าแก่ขณะที่ผู้คนผิวสีกำลังสวดอธิษฐานกันอยู่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงศิษยาภิบาลผู้ดูแลโบสถ์แห่งนี้ ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของรัฐด้วย โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็น “อาชญากรรมจากความเกลียดชัง”

เกร็ก มุลเลน ผู้บังคับการตำรวจเมืองชาร์ลสตัน แถลงในตอนเช้าวันพฤหัสบดี (18) ว่า ผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นชายหนุ่มผิวขาว อายุ 20 ปีต้นๆ ได้เข้าไปนั่งปะปนอยู่กับผู้เข้าร่วมสวดอธิษฐานภายในโบสถ์เอ็มมานูเอล แอฟริกัน เมโทดิสต์ เอปิสโคปัล เชิร์ช (โบสถ์เอ็มมานูเอล เอเอ็มอี) แห่งนี้เป็นเวลาเกือบๆ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะก่อเหตุกราดยิงอย่างเหี้ยมโหดคราวนี้

จวบจนกระทั่งถึงตอนเช้าวันพฤหัสบดี มือปืนรายนี้ยังคงหลบหนีลอยนวล ขณะที่ตำรวจได้เผยแพร่ภาพถ่ายจากกล้องทีวีวงจรปิดของผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีผมสีทองเข้มหรือไม่ก็สีน้ำตาล ตลอดจนพาหนะที่เขาอาจจะใช้ในการหลบหนี มุลเลนบอกว่าเขาไม่สามารถระบุเจาะจงถึงยี่ห้อหรือโมเดลของรถเก๋งซีดานสีคล้ำคันดังกล่าวได้ เนื่องจากพวกเจ้าหน้าที่สอบสวนดูภาพจากวิดีโอแล้วยังรู้สึกไม่มั่นใจ

d6751สำหรับเหยื่อผู้เสียชีวิต 9 รายนั้น มุลเลนระบุว่าเป็นหญิง 6 คนและชาย 3 คน โดยเหยื่อเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 8 ราย และไปสิ้นลมที่โรงพยาบาลอีก 1 ราย ขณะที่มีคนรอดชีวิตจากการโจมตีมาได้ 3 ราย เวลานี้ทางตำรวจยังไม่มีการระบุชื่อของเหยื่อเหล่านี้

มุลเลนกล่าวด้วยว่า เขาเชื่อว่าการกราดยิงครั้งนี้เป็นอาชญากรรมจากความเกลียดชัง พร้อมกับบอกว่า คนร้ายผู้นี้เป็นบุคคลอันตรายมาก ตำรวจจึงต้องการระบุตัวตนของเขาและจับกุมเขาให้ได้ก่อนที่จะไปทำร้ายคนอื่นๆ อีก

ผู้บังคับการตำรวจผู้นี้บอกว่า เขายังไม่มีเหตุผลที่จะทำให้คิดไปว่าผู้ต้องสงสัยได้หลบหนีออกไปจากพื้นที่ชาร์ลสตันแล้ว และสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ก็จะให้ความช่วยเหลือในการสอบสวนคดีนี้ด้วย

มุลเลนระบุว่าตอนที่ตำรวจได้รับแจ้งและเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุนั้น สภาพของโบสถ์เอ็มมานูเอล เอเอ็มอี เต็มไปด้วยความวุ่นวายอลหม่าน และตอนแรกทางตำรวจคิดว่าสามารถติดตามรอยคนร้ายโดยอาศัยตำรวจสุนัขได้แล้ว แต่แล้วเขาก็ยังคงหลบหนีไปได้

ทางด้าน โจเซฟ พี. ไรลีย์ นายกเทศมนตรีเมืองชาร์ลสตัน กล่าวว่า เหตุกราดยิงครั้งนี้เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าสลดและเลวร้ายสุดบรรยาย เนื่องจากมือปืนกราดยิงผู้ที่กำลังสวดอธิษฐานอยู่ในโบสถ์

ขณะที่ ท็อดด์ รัตเทอร์ฟอร์ด ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรมลรัฐเซาท์แคโรไลนา เปิดเผยว่า ศิษยาภิบาลที่เป็นหัวหน้าผู้ดูแลโบสถ์แห่งนี้คือ คลีเมนตา พิงค์นีย์ ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของมลรัฐด้วยนั้น เป็น 1 ใน 9 ผู้เสียชีวิต

Police respond to a shooting at the Emanuel AME Church in Charleston South Carolinaพิงค์นีย์ วัย 41 ปี ซึ่งแต่งงานแล้วและมีบุตร 2 คน ได้รับเลือกเข้าสู่สภาล่างของรัฐตั้งแต่อายุ 23 ปี และถือเป็นสมาชิกของสภาแห่งนั้นที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น

เหตุการณ์โจมตีครั้งนี้เกิดขึ้น 2 เดือนหลังเหตุตำรวจผิวขาวยิงวอลเตอร์ สก็อตต์ ชายผิวสีที่ไม่มีอาวุธเสียชีวิตในย่านนอร์ทชาร์ลสตัน จนนำไปสู่การประท้วงรุนแรง ตลอดจนก่อให้เกิดความตึงเครียดด้านผิวสีในพื้นที่ดังกล่าว และกระตุ้นให้พวกสมาชิกรัฐสภาเซาท์แคโรไลนาผลักดันร่างกฎหมายกำหนดให้ติดกล้องประจำกายตำรวจทุกๆ คนภายในรัฐ โดยที่พิงค์นีย์เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้

นิกกี้ เฮลีย์ ผู้ว่าการเซาท์แคโรไลนาแถลงเชิญชวนประชาชนสวดอธิษฐานให้แก่เหยื่อและครอบครัว พร้อมประณามการก่อความรุนแรงในสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุไม่นาน ได้มีกลุ่มนักเทศน์ไปรวมตัวกันบนถนนเพื่อสวดมนต์ให้แก่เหยื่อ

โบสถ์เอ็มเมนูเอล เอเอ็มอี เป็นโบสถ์แอฟริกัน-อเมริกันเก่าแก่ที่มีประวัติย้อนไปถึงปี 1816 ตอนที่โบสถ์ต่างๆ แยกตัวจากนิกายเมโทดิสต์ เอปิสโคปัล ในชาร์ลสตัน

หนึ่งในผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งนี้นาม เดนมาร์ก เวซีย์ ได้เคยพยายามก่อการลุกฮือของพวกทาสในปี 1822 แต่ไม่สำเร็จและเขาถูกจับกุม ถูกพวกเจ้าของที่ดินที่เป็นคนผิวขาวร่วมกันเผาโบสถ์ของเขาเพื่อแก้แค้น ทำให้สมาชิกโบสถ์ต้องหลบซ่อนทำพิธีกันอยู่ใต้ดิน กระทั่งสงครามกลางเมืองในสหรัฐฯยุติลง

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น