ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนที่เล่นงานปากีสถานทะลุ 1,000 ศพแล้วในวันพฤหัสบดี(25) ท่ามกลางความคาดหมายว่าตัวเลขเหยื่ออาจสูงกว่านี้ อย่างไรก็ตามเมฆที่ปกคลุมและอุณหภูมิซึ่งลดต่ำลงก็ช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานแก่ประชาชนในเมืองการาจี ซึ่งได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดได้บ้าง
โรงเก็บศพและคนขุดหลุมศพในการาจี เมืองใหญ่ที่สุดและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของปากีสถาน ประสบปัญหาในการรับมือกับศพผู้เสียชีวิตที่ไหลบ่ามาอย่างไม่ขาดสาย นับตั้งแต่เมืองแห่งนี้เริ่มเผชิญกับสภาพอากาศอันร้อนระอุเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้โรงพยาบาลต่างๆต้องเผชิญกับวิกฤตรับมือคนไข้จำนวนมหาศาลและต้องอุทิศตัวตั้งศูนย์รักษาผู้ป่วยโรคลมแดดทั่วเมืองเพื่อรักษาผู้ที่มีอาการของโรคลมแดดและภาวะร่างกายขาดน้ำหลายหมื่นคน
“ยอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 ศพและบางทีอาจพุ่งแตะ 1,500 ศพ” อันวาร์ คาซมี โฆษกของเอธี เวลแฟร์ องค์กรการกุศลใหญ่ที่สุดของปากีสถานบอกกับเอเอฟพี ขณะที่ตัวเลขที่เอเอฟพีรวบรวมจากโรงพยาบาลต่างๆทั่วการาจี พบว่ายอดเหยื่ออยู่ที่ 1,079 ศพ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าอัตราการเสียชีวิตชะลอตัวลงแล้ว เนื่องจากช่วง 2 วันที่ผ่านมามีอากาศเย็นลง
ส่วนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เผยว่าโรงพยาบาลต่างๆของการาจี ทำการรักษาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคลมแดดและภาวะร่างกายขาดน้ำเกือบ 80,000 คน
หลังจากต้องเผชิญกับอุณหภูมิร้อนระอุสูงสุดราว 44-45 องศาเซลเซียสมาตั้งแต่วันเสาร์ (20) ลมทะเลและเมฆกลุ่มใหญ่ได้ช่วยบรรเทาสภาพอากาศร้อนระอุในเมืองท่าแห่งนี้ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าอุณหภูมิในวันพฤหัสบดี(25) อยู่ที่ 34 องศาเซลเซียส และมีเมฆปกคลุมร้อยละ 75 “ตอนนี้คนไข้เริ่มน้อยลงแล้ว และหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อเวลาล่วงเลยไป” แพทย์รายหนึ่งจากโรงพยาบาลจินนาห์บอกกับเอเอฟพี
ครอบครัวของเหยื่อยังเผชิญกับปัญหาในการฝังศพของญาติๆ เนื่องจากคนขุดหลุมศพไม่เพียงพอต่อความต้องการท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผา โดยคนขุดศพบางคนเรียกร้องค่าแรงราว 50,000 รูปีปากีสถาน (ประมาณ 16,000บาท) หรือเกือบ 10 เท่าของอัตราอย่างเป็นทางการ ทำให้เจ้าหน้าที่เมืองต้องขุดหลุมศพในสุสาน 2 แห่งเพิ่มอีกกว่า 300 หลุมและคิดค่าบริการจากญาติในราคาปกติ 5,800 รูปี(ประมาณ 1,900บาท)
อุณหภูมิระดับ 45 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่านั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาในพื้นที่อื่นๆในปากีสถาน แต่สำหรับการาจีแล้วนับเป็นเรื่องที่แปลก เนื่องจากปกติแล้วเมืองแห่งนี้มักมีอากาศเย็นกว่าที่อื่นๆเนื่องจากตั้งอยู่ริมชายฝั่ง อย่างไรก็ตามในสปดาห์นี้ลมทะเลที่ปกติจะพัดขึ้นมาจากทะเลอาหรับได้หายไป
ในปีนี้คลื่นความร้อนยังแผ่ปกคลุมพร้อมๆกับช่วงเดือนรอมฎอน ทำให้นักวิชาการศาสนาแนะนำประชาชนที่มีร่างกายอ่อนแอสามารถเลื่อนการถือศีลอดออกไปได้
สถานการณ์ยังถูกซ้ำเติมจากปัญหาไฟดับที่มักเกิดขึ้นแทบทุกวันในปากีสถาน ส่งผลให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศคลายความร้อนได้ นอกจากนี้ภาวะไฟฟ้าขาดแคลนยังก่อปัญหาแก่ระบบจ่ายน้ำประปา โดยเป็นอุปสรรคต่อการสูบน้ำหลายล้านแกลลอนไปหล่อเลี้ยงผู้บริโภค
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ในการาจี เป็นคนชรา คนยากจนและกรรมกรที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ซึ่งจำนวนมากมักได้ค่าแรงเป็นรายวัน ดังนั้นหลายคนจึงไม่อยากหยุดงานเนื่องจากเกรงว่าจะสูญเสียรายได้
คุณหมอกาเซอร์ ซัจจัด จากสมาคมการแพทย์ปากีสถานในการาจี บอกว่าการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคลมแดดในหมู่ประชาชน ในนั้นรวมถึงวิธีสังเกตอาการและแนวทางการรักษา เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก