จังหวัดนราธิวาสจัดกิจกรรมมอบสิ่งของข้าวสารและน้ำตาลแก่มัสยิด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ฝากถึงเยาวชนใช้เดือนรอมฎอนเริ่มต้นดำรงตนเป็นดี อยู่ในหลักศาสนา ใช้ความศรัทธาเอกองค์อัลลอฮฺ เป็นเครื่องนำทางให้ตัวเองและครอบครัวมีชีวิตที่ปกติสุข
วันศุกร์ (3) ที่ผ่านมา นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวในรายการคุยกับผู้ว่าฯ ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดนราธิวาส ว่า ช่วง 10 วันสุดท้ายของการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของพี่น้องมุสลิม หรือช่วงเอี๊ยะติกาฟ ที่จะมาถึงในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ซึ่งปีนี้ถือว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี พี่น้องมุสลิมส่วนใหญ่จะละศีลอดที่มัสยิด ทางจังหวัดได้จัดสรรงบประมาณกว่า 1 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องไทยมุสลิมได้อย่างสมบูรณ์ ในวันนี้ (3 ก.ค.2558) ได้เชิญผู้แทนอำเภอมารับข้าวสารกับน้ำตาล เพื่อนำไปมอบให้กับมัสยิดทุกมัสยิดในพื้นที่กว่า 600 แห่ง รวมถึงบาราเซาะห์บางแห่ง โดยมีผู้แทนจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมาร่วมเป็นสักขีพยาน
นอกจากนี้ ในช่วงการละหมาดตาราแว๊ะห์ หรือละหมาดในเดือนรอมฎอนช่วงกลางคืน ได้ฝากอิหม่าม ผู้นำศาสนา ว่า ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ประชากรประมาณร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด ติดยาเสพติด หากไม่ช่วยแก้ปัญหาจะก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมต่างๆ อาทิ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาความไม่สงบ ซึ่งผู้นำศาสนาก็ตระหนักถึงปัญหานี้ เพราะคนที่ติดยาเสพติดจะห่างไกลศาสนา โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน เบื้องต้นได้หารือให้ร่วมละ เลิก การสูบบุหรี่
“…หวังให้ช่วงรอมฎอนนี้ เด็กและเยาวชนได้อยู่ดำรงตนเป็นดี การเป็นคนดี อยู่ในหลักศาสนา ใช้ความศรัทธาเอกองค์อัลลอฮฺเป็นเครื่องนำทางให้ตัวเองและครอบครัวมีชีวิตที่ปกติสุข…”
สำหรับเดือนรอมฎอน พี่น้องมุสลิมถือว่าเป็นเดือนที่มีความประเสริฐ การปฏิบัติศาสนพิธีและท่องคัมภีร์อัลกุรอานในเดือนนี้ จึงปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษ ขณะที่เป้าหมายของการถือศีลอด ไม่ใช่เพียงการอดอาหาร เครื่องดื่ม และละเว้นข้อห้ามที่กำหนดไว้ แต่เป็นการสะท้อนถึงผลจริยธรรม ซึ่งผู้ปฏิบัติจะได้รับการปลูกฝังสิ่งดีงาม เช่น ปลูกฝังความซื่อสัตย์ การใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวิถีที่ดีงามตามหลักศาสนา ก่อให้เกิดความรัก สามัคคีปรองดอง เสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่ต่อไป

ความคิดเห็น

comments

By admin

ใส่ความเห็น