เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเผยในวันอังคาร (14) ว่า อินโดนีเซียได้ตัดลดการนำเข้าปศุสัตว์จากออสเตรเลียอย่างน่าตกใจ ก่อให้เกิดความกังวลว่าในตอนนี้ความตึงเครียดจากนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลอนุรักษนิยมออสเตรเลียกำลังส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการค้า
กระทรวงพาณิชย์อินโดนีเซียระบุว่า รัฐบาลจะนำเข้าปศุสัตว์ 50,000 ตัวในไตรมาสนี้จากเดือนกรกฎาคม-กันยายน ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมากจาก 250,000 ตัวในไตรมาสก่อนหน้า และ 180,000 ตัวในช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว
อินโดนีเซียเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการค้าส่งออกปศุสัตว์ของออสเตรเลียซึ่งมีมูลค่าถึงราว 1 พันล้านดอลลาร์และเป็นแหล่งรายได้หลักในตลาดด้านนี้
ความสัมพันธ์อันเปราะบางของทั้งสองประเทศมีปัญหามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากออสเตรเลียเลือกผู้นำหัวอนุรักษ์นิยมขึ้นมาบริหารประเทศ และใช้นโยบายต่างประเทศในการยืนเคียงค้างอิสราเอล และสหรัฐอเมริกา และยังมีรายงานการออกมาตรการต่างๆ ในการต่อต้านชาวมุสลิมในออสเตรเลียอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินนโยบายผู้อพยพที่ออสเตรเลียใช้วิธีติดสินบนแก็งค์ค่ามนุษย์ให้นำผู้อพยพไปขึ้นฝั่งอินโดนีเซียแทนออสเตรเลียด้วย
ท่ามกลางความกังวลว่าการลดการนำเข้าจะเป็นผลกระทบจากความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน แต่จูลี บิชอป รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียยืนยันว่า การปรับลดการนำเข้าปศุสัตว์ครั้งนี้เป็น “ประเด็นทางการค้า”
“พวกเรามีการติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลา และดิฉันแน่ใจว่ามันเป็นการเจรจาทางการค้า มันไม่ได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์โดยรวมระหว่างออสเตรเลียกับอินโดนีเซีย ซึ่งมีความเข้มแข็งและดีมาก” เธอกล่าว
ปาร์โตกี ปันการิบวน หัวหน้าฝ่ายการค้าต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์อินโดนีเซีย ก็ปฏิเสธเช่นกันว่า ความตึงเครียดเมื่อไม่นานมานี้ไม่ได้เป็นเหตุผลของการตัดสินใจดังกล่าว
“เรานำเข้าปศุสัตว์มา 250,000 ตัวในไตรมาสที่ 2 และเราคิดว่านั่นน่าจะเพียงพอจนถึงเดือนสิงหาคมหรือกันยายน และอุปทานในประเทศก็เพียงพอแล้วด้วยเช่นกัน” เขาบอกกับเอเอฟพี
ภายใต้กฎหมายของอินโดนีเซีย ปศุสัตว์สามารถนำเข้ามาได้ก็ต่อเมื่ออุปทานในประเทศไม่เพียงพอเท่านั้น เขากล่าว และเสริมว่า การนำเข้าอาจเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ทั้งนี้ เป็นเวลาหลายปีแล้วที่อินโดนีเซียพยายามผลักดันให้อุปทานเนื้อวัวภายในประเทศเพียงพอต่อการบริโภคด้วยตัวของมันเอง
