สำนักข่าวอิศรารายงานว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีตัวแทน “เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่ายหิน” รวมกลุ่มยื่นหนังสือขอให้ยกเลิกการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินจังหวัดกระบี่ เพราะเป็นห่วงความเสียหายต่อการท่องเที่ยว วิถีชุมชน และผลกระทบต่อระบบนิเวศว่า ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้คัดค้านเพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน และให้เกิดความร่วมมือในประเด็นที่สามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าในภาคใต้ เพราะมีปริมาณการใช้ไฟฟ้ามากกว่า 3,000 กิโลวัตต์ ขณะที่ปริมาณไฟฟ้ามีเพียง 800 กว่ากิโลวัตต์ หากไม่มีแหล่งพลังงานในพื้นที่ภาคใต้เพื่อรองรับสถานการณ์จะส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าในอนาคต และส่งผลต่อเรื่องราคาไฟฟ้าที่สูงขึ้นด้วย
“รัฐบาลไม่สามารถบังคับกลุ่มผู้ชุมนุมให้กลับได้ แต่ขอเตือนเรื่องการทำความผิดตามกฎหมายการชุมนุมที่จะมีผลบังคับใช้จึงไม่ต้องการให้เกิดปัญหาตามมา โดยขอให้มีการหารือถึงผลกระทบ และประโยชน์ที่จะได้รับ รวมถึงแนวทางการทำพลังงานทดแทนตามข้อเรียกร้องของตัวแทนผู้ชุมนุมว่า การทำพลังงานทดแทนในพื้นที่ เมื่อทำแล้วจะได้พลังงานเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ ซึ่งต้องดูขั้นตอนการลงทุนว่าจะคุ้มค่าหรือไม่” นายกรัฐมนตรี กล่าว และว่า สำหรับกรณีผู้ชุมนุมที่อดอาหารนั้น รัฐบาลพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลและช่วยเหลือ
ส่วนกรณีที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้เตรียมทำการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินจังหวัดกระบี่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงว่า เป็นเพียงการเตรียมการ ซึ่งจะมีการศึกษาวิเคราะห์ EIA ในเดือนสิงหาคมนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่อย่าเป็นกังวล เพราะถ้ามีการทำ EIA แล้วไม่ผ่านก็ไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินจังหวัดกระบี่ได้ ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมาย
