ผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเปิดเผยว่าไม่ได้รับอนุญาตจากทางการพม่าในการเข้าเยี่ยมชาวโรฮิงญาที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ และยังเป็นพื้นที่ซึ่งมีรายงานการเสียชีวิตมากที่สุดของพม่าด้วย
สำนักข่าว World Bulletin รายงานว่า รัฐบาลพม่าขัดขวางผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในการเข้าดูแลความเป็นอยู่ของชาวเมืองในรัฐยะไข่ หลังจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนร้องเรียนว่ารัฐบาลได้ละเลยที่จะเข้าให้ความช่วยเหลือชาวโรฮิงญาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบคน
Yanghee Lee ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนในพม่าแถลงข่าวว่าวันศุกร์ที่(7)ผ่านมา ระบุว่าเธอถูกทางการพม่าปฎิเสธที่จะเยือนรัฐยะไข่ ก่อนที่จะมีการเริ่มต้นการเยือนพื้นที่ประสบภัยของเธอ
เธอได้ยกความขัดแย้งของทั้งภาครัฐและชาวพุทธหัวรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางเยือนพื้นที่โรฮิงญาก่อนหน้านี้ของเธอ
การจลาจลที่ก่อโดยชาวพุทธในปี 2012 ได้ทำให้ชาวโรฮิงญากว่า 140,000 คนต้องถูกบังคับให้ออกจากบ้านเรือนไปอยู่ในที่พักชั่วคราวอย่างไร้ความหวัง
ความเป็นอยู่ของพวกเขาตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา หลังพายุไซโคลนโกเมนได้พัดถล่มในพื้นที่บังคลาเทศ ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้ของบังคลาเทศ และทางตอนเหนือของพม่า และยังเกิดร่องมรสุมในพื้นที่ส่งผลให้มีฝนตกต่อเนื่องจนทำให้เกิดวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในพม่าในขณะนี้
พม่าขัดขวางผู้แทนสหประชาชาติเข้าพื้นที่ยะไข่ ท่ามกลางกระแสเรียกร้องที่ระบุว่าชาวโรฮิงญาถูก “ละเลยโดยสิ้นเชิง” ในช่วงน้ำท่วมจากการดูแลของรัฐบาลพม่า
“ฉันเชื่อมั่นในความสำคัญของข้อมูลที่มีอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง” เธอกล่าวว่าแม้จะไม่ได้ระบุชื่อกลุ่มโรฮิงญาก็ตาม
เธอเสริมว่าเจ้าหน้าที่ยะไข่ถูกสั่งให้เดินทางไปย่างกุ้งเมืองหลวงทางการค้าของพม่าเพื่อให้ข้อมูลกับเธอ ทั้งที่ในพื้นที่กำลังประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรงที่สุดในขณะนี้
กลุ่มสิทธิมนุษยชน Burmese Rohingya Organisation ซึ่งมีฐานอยู่ที่อังกฤษ ระบุเมื่อวันศุกร์ที่(7)ผ่านมาว่า รัฐบาลพม่าได้เข้าช่วยเหลือในการอพยพชาวยะไข่ในพื้นที่ต่ำขึ้นสู่พื้นที่ปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ แต่ขณะที่ชาวโรฮิงญาถูกทอดทิ้งโดยสิ้นเชิง
