เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโรคหัดภายในเหมืองทองแดง ที่จังหวัดคาตังกา ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 315 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงเป็นไม่ต่ำกว่า 20,000 ราย ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในวันพุธ (12)
รายงานภายในของสำนักงานสหประชาชาติ เพื่อการประสานงานกิจการด้านมนุษยธรรม (OCHA) ซึ่งเล็ดลอดมาถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคหัดในพื้นที่จังหวัดคาตังกามีแต่จะย่ำแย่เลวร้ายลง และว่าจำเป็นต้องใช้งบประมาณมากกว่า 2.4 ล้านดอลลาร์ ในการจัดรณรงค์ฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ตลอดการใช้ในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อในจังหวัดแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานของยูเอ็นระบุว่า มีความเป็นไปได้ในระดับที่สูงมากว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของโรคหัดในดินแดนซึ่งเคยตกเป็นอาณานิคมของเบลเยียมแห่งนี้อาจเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายร้อยชีวิตจากผลพวงของความยากลำบากในการเข้าถึงพื้นที่หลายแห่งของจังหวัดคาตังกา
รายงานระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคหัดในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกคราวนี้ ถือได้ว่ามีความรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดเมื่อช่วงปี 2010-2011 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 1,085 ราย ขณะที่อีก 77,000 รายติดเชื้อ
ด้านองค์กรการกุศลอย่างกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน (Medecins Sans Frontieres : MSF) ออกโรงเตือนว่า แม้อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อหัดในประเทศที่พัฒนาแล้วจะอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำเตี้ย แต่ทว่าสำหรับในประเทศที่ยากจนแล้ว อัตราการเสียชีวิตอาจพุ่งสูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ยังคงติดอันดับหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดของโลก แม้จะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรแร่ธาตุใต้ดินหลายชนิด โดยผลการสำรวจดัชนีการพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ของสหประชาชาติก่อนหน้านี้ จัดให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกอยู่ในอันดับที่ 186 จากทั้งหมด 187 ประเทศทั่วโลกในด้านการเข้าถึงระบบดูแลสุขภาพ และการรักษาพยาบาล