ออสเตรเลียจะมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ในรอบ 8 ปี หลังลิเบอรัล ปาร์ตี พรรครัฐบาลเมื่อวันจันทร์(14ก.ย.) ลงมติเลือกนายมัลคอล์ม เทิร์นบูล มหาเศรษฐีวัย 60 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนนายโทนี แอบบอตต์ ตามหลังการต่อสู้แย่งชิงคะแนนเสียงสนับสนุนภายในพรรคยาวนานหลายเดือน
สกอต บุชโฮล์ซ ประธานวิปรัฐบาลของพรรคลิเบอรัล ปาร์ตี บอกกับผู้สื่อข่าวตามหลังการประชุมในแคนเบอร์รา ว่านายเทิร์นบูล มหาเศรษฐีอดีตนักลงทุนทางเทคโนโลยี ชนะในการลงมติลับ ด้วยคะแนน 54 ต่อ 44 เสียง ส่งผลให้เขาได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่และจะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายแอบบอตต์ด้วย
ออสเตรเลียมีกำหนดจัดเลือกตั้งก่อนสิ้นปีหน้า และนายเทิร์นบูล ซึ่งคาดหมายว่าจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันอังคาร(15ก.ย.) บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะจัดเลือกตั้งก่อนกำหนดเพื่อเสริมความชอบธรรมทางกฎหมายแก่ตนเอง ขณะที่ลิเบอรัล ปาร์ตีและพรรคพันธมิตรรัฐบาลผสมอย่างเนชันแนล ปาร์ตี คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2013 อย่างถล่มทลาย
“ผมรู้สึกตื้นตันอย่างยิ่งต่อเกียรติยศและหน้าที่รับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่ผมได้รับมอบหมายในวันนี้” นายเทิร์นบูลบอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างการแถลงข่าวในช่วงดึกคืนวันจันทร์(14ก.ย.) ขณะเดียวกันนางจูเลีย บิชอป ก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคตามเดิม
ก่อนหน้านี้นายแอบบอตต์ ประกาศจะต่อสู้กับคำท้าทายจากนายเทิร์นบูล ที่ขอให้เขาจัดการหยั่งเสียงเป็นการภายในพรรคลิเบอรัล เพื่อเฟ้นหาผู้นำคนใหม่ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จในการเอาชนะสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นความพยายามก่อความไร้เสถียรภาพภายในพรรคที่เกิดขึ้นมานานหลายเดือน ทั้งนี้นายแอบบอตต์ เดินออกจากห้องประชุมพรรคด้วยใบหน้าเรียบเฉยตามหลังการโหวตและไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆกับผู้สื่อข่าว
นายแอบบอตต์ เคยเอาชนะนายเทิร์นบูล ในศึกท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคลิเบอรัลในปี 2009 ทั้งแม้นายเทิร์นบูล จะถูกมองในฐานะตัวเต็งนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาช้านาน แต่จุดยืนของเขาเกี่ยวกับการสนับสนุนการค้าคาร์บอน แต่งงานเกย์และต้องการเห็นประเทศเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ ทำให้เขาไม่เป็นที่นิยมในบรรดาฝ่ายขวาของพรรค
การท้าทายคราวนี้มีขึ้นขณะที่เศรษฐกิจมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯของออสเตรเลีย กำลังเผชิญปัญหาในการรับมือกับจุดจบของอุตสาหรรมเหมืองที่เคยเฟื่องฟูและไม่ก่อนวันก่อนหน้านี้ศึกเลือกตั้งซ่อมในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ที่ถูกมองว่าจะเป็นตัวทดสอบความเป็นผู้นำพรรคของนายแอบบอตต์