สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศได้ออกคำแถลงระบุถึงความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดทางศาสนาที่เพิ่มสูงขึ้นในพม่าที่อาจก่อให้เกิดการแบ่งแยกและความขัดแย้งในขณะที่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเริ่มต้นขึ้น
พม่ากำลังมุ่งไปสู่การเลือกตั้งครั้งสำคัญในวันที่ 8 พ.ย. ที่หลายคนหวังว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่เสรีที่สุดหลังการปกครองของทหารนานหลายทศวรรษต่อเนื่อง โดยเป็นที่คาดกันอย่างกว้างขวางว่าพรรคฝ่ายค้านของอองซานซูจีจะได้เสียงสนับสนุนอย่างมากมาย
แต่ความตึงเครียดทางศาสนากำลังเพิ่มสูงขึ้นในประเทศที่ประชากรส่วนใหญนับถือศาสนาพุทธ ที่ได้เห็นความไม่สงบทางศาสนาเกิดขึ้นเป็นระยะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมกำลังเผชิญกับการไม่มีส่วนร่วมทางการเมืองเพิ่มมากขึ้นในขณะที่อิทธิพลของพระสงฆ์ชาตินิยมขยายตัว
ในคำแถลงที่ออกหนึ่งวันหลังกลุ่มพระสงฆ์ขวาจัดเริ่มพิธีทั่วประเทศนาน 2 สัปดาห์ ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเริ่มต้นการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลต่างชาติได้เรียกร้องพม่าให้ส่งเสริมความอดกลั้น ความเคารพซึ่งกันและกัน และความเท่าเทียมภายใต้กฎหมายเพื่อให้แน่ใจว่าการเลือกตั้งเป็นไปอย่างสันติและมีส่วมร่วมของทุกฝ่าย
“เรา ในฐานะคู่ค้าระหว่างประเทศได้ลงทุนในความสำเร็จของประเทศนี้และการเลือกตั้งเหล่านี้ มีความวิตกเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองของศาสนากำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือของการแบ่งแยกและความขัดแย้งระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง” คำแถลง ระบุ
คำแถลงฉบับดังกล่าวลงนามโดยสถานทูตออสเตรเลีย แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส นอร์เวย์ ญี่ปุ่น สวีเดน อังกฤษ และสหรัฐฯ
ความไม่สงบทางศาสนาที่รัฐบาลให้การสนับสนุนได้บดบังความพยายามในการปฏิรูปของพม่าที่เริ่มขึ้นหลังนายพลเต็ง เสง ยึดอำนาจ และถอดยศตัวเอง เพื่อทำให้นานาชาติเห็นว่าการปกครองโดยทหารสิ้นสุดลงแล้วในปี 2554
ความสงบในพม่าถูกทำลายลงจากเหตุความรุนแรงต่อต้านมุสลิมที่ปะทุขึ้นตั้งแต่ปี 2555 หลังจากพระวิระธุได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ และเริ่มปลุกระดมชาวพุทธให้ต่อต้านชาวมุสลิมโดยเริ่มต้นจากชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ที่นำไปสู่เหตุนองเลือดจนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 200 คน และอีกราว 140,000 คนต้องไร้ที่อยู่
เหตุไม่สงบแพร่ลุกลามกระจายไปทั่วประเทศพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของอิทธิพลของพระสงฆ์ชาตินิยม ที่ครอบคลุมถึงคะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง
ในเดือนมีนาคม ทางการพม่าได้เพิกถอนเอกสารประจำตัวชั่วคราวของชาวโรฮิงญาตามความต้องการของกลุ่มพระหัวรุนแรง โดยความเคลื่อนไหวที่ส่งผลกระทบต่อชาวโรฮิงญาหลายแสนคนไร้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งหลังรัฐสภาและยังห้ามบุคคลที่ไม่มีสถานะพลเมืองอย่างสมบูรณ์ลงคะแนนเสียง
ในขณะที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามา ซูจีได้กล่าวหาว่าฝ่ายตรงข้ามใช้ศาสนาต่อต้านพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) แต่ทั้งพรรคฝ่ายค้านของซูจีและพรรครัฐบาลต่างก็ไม่ได้เสนอชื่อผู้สมัครที่เป็นชาวมุสลิมลงรับเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว
เมื่อวันจันทร์ (14) พระสงฆ์หลายร้อยคนได้รวมตัวกันในนครย่างกุ้งเพื่อเริ่มพิธีนาน 2 สัปดาห์ซึ่งจัดขึ้นทั่วพม่าเพื่อฉลองการผ่านร่างกฎหมายกีดกันศาสนาอื่นๆรวม 4 ฉบับ ที่รวมทั้งฉบับที่ห้ามการแต่งงานระหว่างศาสนา ห้ามการเปลี่ยนศาสนา และการคุมกำเนินที่มุ่งเป้าที่กลุ่มมุสลิม ซึ่งนักเคลื่อนไหวระบุว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อสตรีและชนกลุ่มน้อยทางศาสนา