หนึ่งในภาระกิจที่ชาวมุสลิมจะทำกันในวันอีดิ้ลอัฎฮา และวันตัชรีก คือการเชือดอุตฮิยะห์ หรือกุรบาน เพื่อแบ่งปันเนื้อที่ได้กับคนยากจน ขัดสน ญาติมิตร แต่สำหรับปีนี้ชาวมุสลิมในฉนวนกาซากำลังประสบปัญหาการขาดแคลนสัตว์เชือด ส่งผลให้ราคาดีดตัวสูงขึ้นอย่างมาก
หนึ่งในปัญหาการขาดแคลนสัตว์สำหรับเชือดอุตฮิยะห์ ในปัจจุบันเป็นผลมาจากข้อ จำกัด ที่กำหนดโดยอดีตรัฐบาลขวาจัดของออสเตรเลียที่เพิ่งหลุดจากอำนาจ ในการส่งออกสัตว์มีชีวิตโดยตรงไปยังฉนวนกาซา
มูฮัมหมัด อซัด ช่างภาพของ middleeastmonitor หรือ MEMO’s ในฉนวนกาซากล่าวว่าออสเตรเลียได้กำหนดข้อ จำกัดในการส่งออกสัตว์สู่ฉนวนกาซา “นี่คือเหตุผลที่ขาดแคลนอย่างรุนแรงของสัตว์ในตลาดกาซา” เขากล่าวเสริม
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อ จำกัดจากออสเตรเลีย ที่ผู้ค้าสัตว์จากอิสราเอลได้พยายามเสนอขายสัตว์ของตนให้กับฉนวนกาซา แต่เจ้าหน้าที่ในฉนวนกาซาปฏิเสธที่จะเปิดทางให้มีการนำเข้าสัตว์จากอิสราเอล ขณะที่สัตว์เลี้ยงในประเทศบางส่วนกำลังเผชิญกับโรงปาก-เท้า เปื่อย เป็นผลให้ราคาสัตว์ในฉนวนกาซาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ชาวกาซาที่มีฐานะธรรมดาไม่สามารถที่จะจ่ายค่าสัตว์สำหรับเชือดได้ และผู้ที่มีความสามารถจะจ่ายได้ก็มีจำนวนน้อย
วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในฉนวนกาซาเกิดขึ้นนับตั้งแต่การปิดล้อมของอิสราเอลในปี 2006 ซึ่งรวมไปถึงการล่าช้าในการจ่ายเงินเดือนให้กับลูกจ้าชาวกาซา
โดยราคาของเนื้อแกะหรือเนื้อวัว 1 กิโลกรัม ในฉนวนกาซาขณะนี้อยู่ที่มากกว่า 10 เหรียญสหรัฐ หรือ 350 บาท, เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้านี้ถึงร้อยละ 25
