ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพที่พยายามเดินทางเข้าไปแสวงหาชีวิตใหม่ในยุโรปตอนเหนือ ต่างต้องเผชิญกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง สมาชิกครอบครัวอาจต้องพลัดพรากจากกัน และการจะได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ จอห์น สวีนีย์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ได้พูดคุยกับ “ฟาครียา” หญิงชาวซีเรียวัย 60 ปีเศษ ที่พยายามตามหาบุตรชายที่พลัดหลงกันในระหว่างการเดินทางมุ่งหน้าสู่เดนมาร์ก
ผู้สื่อข่าวบีบีซี ได้พบกับ ฟาครียา ในฮังการี เธอละทิ้งบ้านจากเมืองโคบานี ของซีเรีย ซึ่งกลายสภาพเป็นสนามรบระหว่างกลุ่ม ISIL กับกองกำลังชาวเคิร์ด แล้วออกเดินทางพร้อมบุตรชายที่ชื่อว่า มาห์มูด และน้องชาย รวมทั้งครอบครัวของเขา โดยตั้งใจว่าจะไปอาศัยอยู่กับญาติในเดนมาร์ก แต่ระหว่างที่เดินทาง 2,100 กม. จากเกาะคอสในกรีซมายังฮังการี พวกเขาได้ยินข่าวลือว่า หากหนังสือเดินทางถูกประทับตราในฮังการีแล้ว พวกเขาจะถูกส่งตัวไปเยอรมนีและไม่สามารถไปยังจุดหมายปลายทางในเดนมาร์กอย่างที่วางแผนไว้ได้ ด้วยเหตุนี้ ฟาครียาและครอบครัว จึงตัดสินใจเดินลัดเลาะป่าหวังลักลอบเข้าฮังการี แต่ก็ถูกจับกุมในที่สุด
เจ้าหน้าที่นำตัวพวกเขาไปยังศูนย์ผู้อพยพซึ่งล้อมด้วยรั้วลวดหนาม ฟาครียา รู้สึกเหมือนอยู่ในคุก และเริ่มรู้สึกว่าตัดสินใจผิดที่ออกเดินทางมาเผชิญกับความยากลำบากเช่นนี้ ในระหว่างที่อยู่ในค่าย ฟาครียา เกิดล้มป่วย เธอจึงถูกนำตัวไปโรงพยาบาล และได้ฝากกระเป๋าที่มีทั้งเงินและยาประจำตัวไว้กับบุตรชาย เพราะคิดว่าจะได้กลับมาภายในเวลาครึ่งชั่วโมง แต่เธอกลับถูกแพทย์ให้นอนพักในโรงพยาบาล 1 คืน และเมื่อกลับมายังค่ายก็ไม่พบครอบครัวของเธอแล้ว
เวลาต่อมา ฟาครียา ถูกนำตัวไปส่งยังสถานีรถไฟในกรุงบูดาเปสต์ ของฮังการี ตามลำพังโดยที่ไม่มีเงินติดตัว แถมยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เธอนั่งร้องไห้อยู่ที่สถานีอยู่ 2 วัน และหัวใจสลายที่ไม่รู้ว่าบุตรชายไปอยู่ที่ไหน เธอพยายามไล่ถามคนแปลกหน้าด้วยคำภาษาอังกฤษที่รู้เพียงคำเดียวคือ “family, family” ในที่สุดโชคก็เข้าข้างฟาครียา เมื่อเธอไปพบกับหลานชายที่ชื่อ มุสตาฟาห์ และครอบครัวของเขาโดยบังเอิญ แล้วออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ออสเตรียด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวบีบีซี พยายามช่วยฟาครียา ตามหาบุตรชายผ่านช่องทางต่างๆ และโพสต์วิดีโอของเธอ บนหน้าเฟซบุ๊กของบีบีซีนิวส์ ขณะเดียวกันฝ่ายบุตรชายของฟาครียา ก็ประกาศตามหาแม่ทางเว็บไซต์ Trains of Hope ของออสเตรียเช่นกัน ทำให้ในที่สุดสองแม่ลูกได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้งที่สถานีรถไฟกรุงเวียนนา
ขอบคุณ BBC Thai