นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดียแกนนำกลุ่มฮินดูหัวรุนแรงทนแรงกดดันไม่ไหวจำใจประณามเหตุชาวฮินดูหัวรุนแรงสังหารชายมุสลิมที่ถูกกล่าวหาว่า “กินเนื้อวัว” ซึ่งถือเป็นคำแถลงครั้งแรกของผู้นำอินเดียต่อเหตุการณ์ที่สะท้อนปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนต่างศาสนาในอินเดียที่รุนแรงมากขึ้นนับตั้งแต่เขาขึ้นสู่อำนาจ
แม้ว่าจะเป็นสัตว์ที่ชาวฮินดูส่วนใหญ่บูชา แต่ในความเป็นจริงก็ยังชาวฮินดูในบางภูมิภาคทางตอนใต้ของอินเดีย รวมถึงชาวคริสต์และมุสลิม ที่ยังรับประทานเนื้อวัวอยู่ แต่เมื่อกลุ่มฮินดูหัวรุนแรงจากพรรค BJP ขึ้นครองอำนาจก็ได้ผลักดันกฎหมายห้ามฆ่าวัวและค้าเนื้อวัวทั่วอินเดีย ซึ่งเป็นธุรกิจที่ดำเนินงานโดยชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่
หลังเกิดเหตุชายมุสลิมถูกรุมประชาทัณฑ์เสียชีวิตเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนเพราะถูกให้ร้ายโดนกลุ่มชาวฮินดูว่าเขาเชือดวัว นักการเมืองในพรรครัฐบาลภารติยะชนตะ (บีเจพี) รวมถึงรัฐมนตรีบางคน ก็พยายามออกมาแก้ต่างแทนม็อบชาวฮินดูที่ก่ออาชญากรรมดังกล่าว ยิ่งทำให้ โมดี ซึ่งเป็นนักการเมืองฮินดูชาตินิยมถูกวิจารณ์อย่างหนักที่ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทั้งที่มีชาวมุสลิมตกเป็นเหยื่อความรุนแรงมาแล้วหลายครั้ง
จากการกดดันอย่างหนักทำให้วันพุธที่ (14 ตุลาคม) มีการเผยแพร่คำแถลงครั้งแรกของผู้นำอินเดียที่ระบุเพียงว่า สิ่งที่เกิดขึ้น “น่าเสียใจ” และ “ไม่ควรกระทำ”
“พรรคบีเจพีไม่เคยสนับสนุนการกระทำเช่นนี้” เขาให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ อานันทาบาซาร์ ปาตริกา ซึ่งเป็นสื่อภาษาเบงกาลี
หลายฝ่ายรู้สึกเป็นกังวลที่ โมดี ไม่สามารถควบคุมชาวฮินดูชาตินิยมหัวรุนแรงที่เป็นฐานเสียงของพรรคบีเจพีได้ และก่อเหตุโจมตีชาวมุสลิมมาแล้วหลายครั้ง
สัปดาห์ที่แล้ว นักเขียนชื่อดังในอินเดียกว่า 20 คนปฏิเสธที่จะรับรางวัลด้านวรรณกรรม เพื่อประท้วงที่นายกรัฐมนตรีทำนิ่งเฉยกับเหตุสังหารโหดชาวมุสลิม
นายกรัฐมนตรีโมดี ของอินเดียยืนยันว่า พรรคบีเจพีส่งเสริมค่านิยมทางโลกและความศรัทธาที่หลากหลายในอินเดีย แต่กลับตั้งคำถามว่า “รัฐบาลสมควรหรือที่จะต้องรับผิดชอบการตายของชาวมุสลิมผู้นี้”
พรรคคองเกรสฝ่ายค้านได้ออกมาโจมตีนายกฯ ว่าพยายามปัดความรับผิดชอบ
“คุณจะปล่อยให้การแบ่งแยกมามีอำนาจเหนือมรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นพื้นฐานที่ประชาชนมีร่วมกันไม่ได้” ซาชิน ปิล็อต อดีตรัฐมนตรีจากพรรคคองเกรส กล่าว